HoonSmart.com>>บี.กริมฯจับมือกฟผ.ลงทุนโครงการโซลาร์ลอยน้ำไฮบริด 45 MW ใหญ่สุดในโลก เริ่ม COD ธันวาคมนี้ บริษัท ตั้งงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ และซื้อกิจการ 1 ดีล
วันที่ 20 มกราคม 2563 พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาจัดซื้อและจัดจ้างก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ ร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร ระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับ B.Grimm Power-Energy China Consortium นับเป็นการผสมผสานระหว่างโซลาร์เซลล์กับโรงไฟฟ้าพลังน้ำถือเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ (MW) มูลค่าโครงการกว่า 842 ล้านบาท บนพื้นที่ผิวน้ำกว่า 450 ไร่ คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือนธันวาคม 2563
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวของบริษัทที่จะโชว์ศักยภาพในการดำเนินการด้านพลังงานในทุกมิติ การที่ BGRIM ได้รับโอกาสในการพัฒนาและสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำให้กับ กฟผ. ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นเป็นการเพิ่มศักยภาพและมาตรฐานในการพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานทดแทนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัท BGRIM พร้อมทั้งยังเป็นการสนองนโยบายของภาครัฐ และเป็นโอกาสที่จะทำให้บริษัทได้รับโอกาสในการพัฒนาและดำเนินการโครงการโซลาร์ทุ่นลอยน้ำในโครงการอื่นๆ ในอนาคต
บริษัทร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เอ็นเนอร์ยี่ ไชน่า ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีศักยภาพและความได้เปรียบสูงในการบริหารจัดการต้นทุน การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ และการพัฒนาเทคนิควิศวกรรมที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการพัฒนาและก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 2563 ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อลงทุนในประเทศเวียดนาม เกาหลี มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 5,000 เมกะวัตต์ รวมถึงในครึ่งปีแรกจะมีความชัดเจนในการเข้าซื้อกิจการ 1 ราย หากสำเร็จจะทำให้รายได้ในปีนี้โตมากกว่า 20% ส่วนแหล่งเงินลงทุนมาจากการออกหุ้นกู้มูลค่า 8,000 ล้านบาท และบริษัทฯยังมีความสามารถในการออกหุ้นกู้ได้อีก ทั้งนี้จะรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ไม่เกิน 2 เท่า