ตลท.ยันการซื้อขายหุ้นโดย “โรบอท” ไม่ทำให้ราคาหุ้นร่วงผิดปกติ เพราะการซื้อขายมีสัดส่วนต่ำมาก พร้อมระบุมีมาตรการกำกับดูแลอยู่แล้ว ขณะที่ “โรโบเวลธ์” เปิดตัว “odini” แนะนำนักลงทุนเลือกซื้อ “กองทุนรวม”
น.ส.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกรณีผู้บริหารบล.แห่งหนึ่ง เสนอให้หน่วยงานกำกับพิจารณาว่า กระบวนการซื้อขายหุ้นโดยหุ่นยนต์ หรือ โรบอทเทรด มีผลทำให้ราคาหุ้นบางตัวร่วงลงมากผิดปกติหรือไม่ เมื่อเกิดข่าวลือที่กระทบต่อราคาหุ้น ว่า ตลท.มีมาตรการกำกับดูแลการนำโรบอทเทรดมาใช้ซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว และปัจจุบันสัดส่วนการซื้อขายหุ้นโดยโรบอทเทรดต่อวันก็ถือว่าน้อยมาก
“ราคาหุ้นบางตัวที่ร่วงติดฟลอร์นั้น หรือล่าสุดกรณีราคาหุ้น MBKET ที่ร่วงลงมานั้น ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับโรบอทเทรดแน่นอน น่าจะเป็นการเทขายของนักลงทุนรายย่อยมากกว่า ทั้งนี้ ตลท.มีมาตรการกำกับดูแลโรบอทเทรดอยู่แล้ว รวมทั้งมีการคัดกรองตัวโรบอทที่จะเข้าทำการซื้อขายหุ้นด้วย เช่น จะต้องไม่มีผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งผู้ที่จะนำโรบอทมาใช้ซื้อขายหุ้นแบบอัตโนมัติจะต้องขออนุญาตก่อนนำระบบมาเชื่อมต่อกับตลท.”น.ส.รินใจกล่าว
นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน โรโบเวลธ์ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน โอดีนี่ (odini) ซึ่งเป็นโรโบ-แอดไวเซอร์ สำหรับคัดเลือกกองทุนรวมที่เหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละประเภท รวมทั้งสามารถส่งคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติภายใต้เงื่อนไขที่นักลงทุนกำหนด ซึ่งมีผลตอบแทนให้เลือกตั้งแต่ 4-12% โดยหากผลตอบแทนสูงความเสี่ยงก็สูงด้วยเช่นกัน
นายชลเดช ระบุว่า การใช้แอปฯ odini ในการคัดกรองกองทุนรวม พร้อมทั้งมีข้อเสนอทางเลือกเพื่อให้นักลงทุนได้ตัดสินใจเลือกลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าว จะทำให้คนไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน หรือนักลงทุนมีไม่มีเวลา สามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้นและมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งนักลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำที่ 1,000 บาท และติดตามการลงทุนได้ตลอดเวลาผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 20 บาทต่อรายต่อปีเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้า 2 แสนรายภายใน 3 ปี โดยจะร่วมมือกันพันธมิตร คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟเซอร์วิส หรือเอไอเอส ทำการตลาดโดยจะสื่อสารไปยังฐานลูกค้าของเอไอเอสที่มีกว่า 40 ล้านเลขหมาย