HoonSmart.com>> “สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์” นำทัพคุมงานก่อสร้างโปรเจกต์ใหญ่รับปีหนูทองโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โซน C มูลค่างาน 520 ล้านบาท สะท้อนกลยุทธ์ขยายพอร์ตสู่งานภาครัฐประสบความสำเร็จ เสริมแกร่งปี 63 หนุนงานในมือทะลุ 2 พันล้านบาท สะท้อนหุ้นเติบโต
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) เปิดเผยว่า กลุ่ม SPC Consortium ชนะประกวดราคางานจ้างควบคุมการก่อสร้าง โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยาย ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โซน C จำนวน 1 โครงการ มูลค่าคุมงาน 520 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)
งานในครั้งนี้ สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อ STI ในฐานะผู้นำกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้คุมงานโครงการใหญ่ของภาครัฐที่มีมูลค่าก่อสร้างสูงถึง 22,000 ล้านบาท อีกทั้ง เป็นการขยายฐานลูกค้ามายังหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น ตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่ต้องการเดินหน้าบริหารฐานงานในมือหลากหลายประเภท
ปัจจุบัน STI มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) กว่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนงานในมือจากภาคเอกชน 76 % และงานภาครัฐ 24% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 งานในมืออยู่ที่ประมาณ 1,450 ล้านบาท เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการปี 2563 ให้โดดเด่นต่อเนื่อง
สำหรับงานในครั้งนี้ จัดทำในนามกลุ่ม SPC Consortium ภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ ซึ่งเป็น Lead Firm พร้อมด้วย บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) และ บริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด โดยลงนามสัญญาเมื่อเดือนธันวาคม 2562
นายสมเกียรติ กล่าวว่า นับเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มบริษัท ที่ได้รับความไว้วางใจให้คุมงานก่อสร้างงานศูนย์ราชการฯ โซน C ภายใต้การบริหารของ SPC Consortium ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นโดยมี STI เป็นแกนนำในครั้งนี้ เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จตามแผนงานที่วางไว้ และจะเป็นก้าวสำคัญในการขยายสู่ฐานงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันฐานลูกค้าของ STI ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่มีการพัฒนาโครงการอย่างสม่ำเสมอ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 สัดส่วนรายได้จากงานภาคเอกชนอยู่ที่ราว 85% และงานภาครัฐ
15 %
“ขอให้มั่นใจในการทำงานของบริษัทฯ เรามีกำไรเติบโตต่อเนื่อง กิจการของเราไม่ได้หวือหวา ไม่ได้เพิ่มผลประกอบการเพียงแค่เดือนสองเดือนขึ้นมาสองถึงสามเท่า ภาพของหุ้น STI ยังคงโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคงจากแบ็คล็อกที่เรามี ธุรกิจของเราเป็นธุรกิจที่จะรับรู้รายได้อีก 1 – 2 ปีข้างหน้า นั่นหมายความว่างานที่ปัจจุบันเราดำเนินการอยู่เป็นงานที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงทางภาวะเศรษฐกิจจะกระทบกับธุรกิจเราเป็นลำดับสุดท้าย เพราะธุรกิจที่มีการก่อสร้างแล้วจะมีการผลักดันให้มีการก่อสร้างให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งหากถ้าเทียบกับธุรกิจภาคอื่นๆ ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยที่สุด และสามารถมั่นใจได้ว่าผลประกอบการของบริษัทจะเป็นไปตามเป้าแน่นอน” นายสมเกียรติ กล่าว