BTS จ่อรับรู้รายได้ค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองดันรายได้แตะ 3.5 หมื่นล้านบาท ตุนที่ดิน 3 แปลง 2.8 หมื่นล้านรอขายหรือนำไปพัฒนา
นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า คาดว่าปีนี้ (2560/2561) BTS จะมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 3.5-3.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.74 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว แบ่งเป็นรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 7-9,000 ล้านบาท ตามจำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าเติบโต 4-5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้น 1.5-2% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ขณะที่รายได้ค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองจะอยู่ที่ประมาณ 2-2.5 หมื่นล้านบาท รายได้ค่าดอกเบี้ยจากการจัดหารถไฟฟ้า 600-700 ล้านบาท รายได้ธุรกิจโฆษณา 4-4,500 ล้านบาท และรายได้จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 350 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ยู ซิตี้ (U) ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 6-6,700 ล้านบาท และมี EBITDA margin ประมาณ 25%
“ปีนี้รายได้ของ BTS จะเติบโตมาก เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง ขณะที่ปีนี้บริษัทต้องใช้เงินลงทุน 2.7-3.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนจัดหาขบวนรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้และสีเขียวเหนือ 6-7,000 ล้านบาท ลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง 2-2.5 หมื่นล้านบาท ลงทุนป้ายโฆษณา 1,100 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 400 ล้านบาท”นายสุรยุทธกล่าว
นายสุรยุทธ กล่าวว่า หลังจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) เปิดให้บริการในเดือนธ.ค.ปีนี้ จะทำให้ปริมาณผู้โดยสารของระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี 7 แสนคนต่อวัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นเท่าใด และเมื่อสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) สายสีชมพูและสายสีเหลืองเปิดให้บริการในปี 2564-2565 คาดว่าทำให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสเพิ่มเป็น 1.5-2 ล้านคนต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ตามแผน 5 ปี ที่จะสิ้นสุดปี 2564/65 บีทีเอสคาดว่าจะมีรายได้ 30,327 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,125 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 29% ซึ่งรายได้และกำไรเหล่านี้ยังไม่รวมถึงโครงการใหม่ๆที่ BTS จะเข้าร่วมประมูล เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม) และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดทีโออาร์ และพร้อมเปิดรับพันธมิตรใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
“กำไรหลักๆของบีทีเอสหรือ 73% จะมาจากระบบขนส่งมวลชน อีก 27% มาจากธุรกิจโฆษณา อีก 13% มาจากรายได้อสังหาริมทรัพย์ และที่เหลือมาจากรายได้จากการบริการ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีแหล่งทุนเพียงพอที่จะลงทุนในโครงการต่างๆ ทั้งแหล่งเงินกู้จากธนาคาร และสภาพคล่องของบริษัทที่มีประมาณ 3 หมื่นล้านบาท”นายสุรยุทธกล่าว
นายสุรยุทธ กล่าวว่า หลังจากโอนที่ดินไปให้ U และนำที่ดินบางส่วนไปพัฒนาร่วมกับบริษัท แสนสิริ (SIRI) แล้ว ขณะนี้บริษัทยังเหลือที่ดินอีก 3 แปลง มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะนำที่ดินดังกล่าวไปทำอะไรบ้าง แต่คงไม่ใช่ในเร็วๆนี้ โดยมี 3 ทางเลือก คือ ทางเลือกแรกโอนขายให้ U เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทางเลือกที่สองขายที่ดินออกไปเลย และทางเลือกที่สามนำไปพัฒนาเป็นคอนโดร่วมกับพันธมิตร