EA ยื่นก.ล.ต.ตรวจสอบการซื้อขายหุ้น EA ที่ผิดปกติในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ตามข้อเรียกร้องของผู้ถือหุ้นแล้ว เผยก.ล.ต.อยู่ระหว่างตรวจสอบ พร้อมลุยผลิตไฟฟ้าโซล่าร์เซลล์พร้อมติดตั้งแบตฯ 50 MW ในเวียดนาม ปลายปีหน้าขายรถอีซูซุ 3 รุ่น กำลังผลิต 5 พันคันต่อปี
นางออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอให้ตรวจสอบการซื้อขายหุ้น EA ที่มีความผิดปกติในช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามข้อเรียกร้องของนักลงทุนบางรายที่แสดงความกังวลใจในเรื่องนี้และเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อกลางเดือนเม.ย.2561 ดำเนินการ โดยขณะนี้ทราบว่าทาง ก.ล.ต.อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ
“ราคาหุ้นที่มีความผันผวน เป็นการตัดสินใจของนักลงทุน แต่มีผู้ถือหุ้น EA บางคนมีข้อกังวลและมีข้อสงสัย จึงเสนอในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยขอให้บริษัทประสานงานไปยังก.ล.ต.ตรวจสอบการซื้อขายที่ไม่ปกติดังกล่าว ทางบริษัทได้ส่งเรื่องขอให้ตรวจสอบการซื้อขายหุ้น EA ไปยังก.ล.ต.แล้ว โดยก.ล.ต.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ”นางออมสินกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2561 ราคาหุ้น EA อยู่ที่ 65.50 บาท และราคาร่วงลงอย่างผิดปกติในช่วงสัปดาห์ต่อมา โดยวันที่ 12 มี.ค.2561 ราคาลดลงเหลือ 42.50 บาท หรือลดลงมากกว่า 35% และราคาลดลงต่ำสุดที่ 30.75 บาท เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2561 ก่อนที่ราคาจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 36-37 บาทในขณะนี้
นางออมสิน กล่าวว่า ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพอร์ตการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่สร้างกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่ง ล่าสุด TRIS เพิ่มเครดิตเรตติ้งเป็น “A-” จากเดิม “BBB+”
นายฉัตรพล ศรีประทุม ผู้จัดการฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน EA กล่าวว่า ไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าบริษัทจะมีรายได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และมากกว่าไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากขายไฟฟ้าพลังงานลมเข้าระบบได้เพิ่ม 122 MW ส่วนการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ EA ที่จะออกขายปลายปีหน้านั้น ในช่วงแรกบริษัทจะยังไม่มีการลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ โดยจะใช้วิธีการจ้างผลิต แต่ชิ้นส่วนสำคัญรวมแบตเตอรี่ EA จะผลิตเอง ซึ่งรองรับการผลิตรถอีวีได้ 5,000 คันต่อปี และหากรถยนต์อีวีได้รับผลตอบรับที่ดี บริษัทลงทุนสร้างโรงงานประกอบในอนาคต
“ช่วงแรกจะยังไม่มีการลงทุนโรงงานผลิตและประกอบรถอีวี เพราะใช้เงินลงทุนสูง เราจะใช้วิธีจ้างผลิตและประกอบ แต่เราจะผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญรวมถึงแบตเตอรี่เองแล้วส่งไปประกอบ โดยรถอีวีที่จะออกขายปลายปีหน้าจะมี 3 รุ่น รุ่น City EV ราคา 6 แสนบาท รุ่น MPV EV ราคา 8 แสนถึง 1 ล้านบาท และรุ่น Sport EV ราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นราคาที่จับต้องได้ หากผลตอบรับดีเราจะสร้างโรงงานผลิตและประกอบเอง อีกทั้ง EA จะขยายสถานีชาร์จและซุปเปอร์ชาร์จรถยนต์อีวี 1 แห่งต่อพื้นที่ 4 ตารางกิโลเมตร”นายฉัตรพลระบุ
สำหรับการลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เฟสแรก 1 GWh ใช้เงินลงทุน 4,000 ล้านบาทนั้น คาดว่าโรงงานจะเริ่มผลิตแบตฯได้ปลายปีหน้า ส่วนแผนขยายการลงทุนที่เหลือ 49 GWh จะใช้เงินลงทุน 9.8 หมื่นล้านบาท แต่หากความต้องการไม่ได้สูงเท่าที่บริษัทประเมินไว้ บริษัทจะลดการลงทุนเหลือ 20-40 GWh โดยขอยืนยันว่าเทคโนโลยีแบตของ Amita Technologies มีการพัฒนาต่อเนื่อง ซึ่งประสิทธิภาพและต้นทุนผลิตสามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้ โดยเฉพาะหากการลงทุนผลิตแบตฯเฟส 2 แล้วเสร็จในปี 2564 ต้นทุนผลิตแบตฯจะต่ำลงมาก
นายฉัตรพล กล่าว EA มีแผนลงทุนผลิตไฟฟ้าโซล่าร์เซลในประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับเวียดนามเพื่อเข้าลงทุนผลิตไฟฟ้าโซล่าร์เซลล์พร้อมติดตั้งแบตเตอรี่สำรองไฟฟ้า กำลังผลิต 50 MW ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งพื้นที่เหล่านั้นอัตราค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 9 บาทต่อหน่วย หากการเจรจาสำเร็จ EA จะผลิตและขายไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าวได้ที่ไม่ต่ำกว่า 6 บาทต่อหน่วย ส่วนแบตฯที่นำมาติดตั้งจะมาจากโรงงานผลิตแบตฯของ EA ในไทย หากไม่เพียงพออาจต้องนำเข้าจากต่างประเทศ