HoonSmart.com>>บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด ถึงเวลาเก็บเกี่ยวเงินลงทุนปี 63 ตั้งเป้ายอดขาย 1 หมื่นล้านบาท เล็งเปิดแบรนด์ใหม่ การผลิตในจีนจะเริ่มไตรมาส 1 เตรียมงบลงทุน 700 ล้านบาท ส่วนใหญ่ซื้อกิจการ เล็งผลิตอาหารเม็ดของสัตว์เพื่อจำหน่ายเอง คุยฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง D/E 1.1 เท่า มีโอกาสหาการลงทุนใหม่ๆมากขึ้น ปี 62 น่าจะจบไม่เกิน 8,500 ล้านบาท เจอค่าเงินบาทแข็ง
นาง วรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด (ASIAN) เปิดเผยว่า งบการลงทุนในปี 2563 เตรียมไว้ 700 ล้านบาท แบ่งจำนวน 300-500 ล้านบาทสำหรับซื้อกิจการ กำลังมองหาโอกาสที่ดีจากธุรกิจอาหารสัตว์และการจัดจำหน่าย และโรงงานผลิตอาหารเม็ดของสัตว์ ตั้งงบไว้ที่ 50-100 ล้านบาท กำลังการผลิตจะประมาณ 7,000 ตัน/ปี ส่วนงบอีก 100 ล้านบาท ปรับปรุงเครื่องจักรในกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อัตโนมัติมากขึ้น และยังมีการเปิดแบรนด์ใหม่ในช่วงต้นปีอีกด้วย คาดว่ายอดขายอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท
ส่วนการเริ่มเปิดตลาดเพื่อผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศจีน ตอนนี้ได้พันธมิตรแล้ว คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในช่วงไตรมาส 1 จะสามารถผลิตเต็มกำลังได้ที่ประมาณ 20,000 ตัน/ปี แต่ในปี 2563 มองว่าจะผลิตแค่ 50-60%
สำหรับผลประกอบการของปี 2562 ลดลงจากเป้าที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ 10,700 ล้านบาท ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาได้ปรับลดมาเหลือ 10,200 ล้านบาท ไตรมาส 3 ลดอีกครั้ง อยู่ที่ 8,200-8,500 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทแข็ง บริษัทจึงทำประกันอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 20-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยลง นอกจากนี้บริษัท ได้ยกเลิกขายสินค้าประเภท Frozen Commodities ไปยังสหรัฐฯ ทำให้ผลประกอบการหายไป ตอนนี้กำลังมองหาช่องทางขายใหม่ๆ
ส่วนไตรมาส 3/2562 บริษัทมีรายได้1,887 ล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาสที่แล้ว และลดลง 23% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 34 ล้านบาท ลดลง 77%จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าราว 8% ส่งผลต่อยอดขายและกำไรสุทธิ แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็ลดลงอย่างมีนัยยะ และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 9 เดือน เพิ่มขึ้น 951 ล้านบาท เพราะให้ความสำคัญการลดวัตถุดิบคงคลัง เพื่อลดความเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบและอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่อง D/E Ratio อยู่ที่ 1.1 เท่า จึงมีโอกาสในการหาการลงทุนใหม่ๆ มากขึ้น