HoonSmart.com>> “จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล” #JAS เข้าซื้อหน่วยลงทุนใหม่กองทุน #JASIF จำนวน 475 ล้านหน่วย หรือ 19% มูลค่ากว่า 4,275 ล้านบาท ด้านกองทุน JASIF นำเงินเข้าซื้อทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 700,000 คอร์กิโลเมตร มูลค่า 3.8 หมื่นล้านบาทฉลุย
บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) แจ้งว่า บริษัทฯ ได้เข้าจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF)จำนวน 475 ล้านหน่วย ราคา 9 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงิน 4,275 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 19% ของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของกองทุน ทั้งนี้ ก่อน JASIF จะเพิ่มทุน JAS ถือหนวยลงทุนอยู่ 19%
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2562 บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้เข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินส่วนเพิ่มกับกองทุนฯ เพื่อขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่มจำนวน 7 แสนคอร์กิโลเมตร ให้แก่กองทุนฯ มูลค่าการซื้อขาย 3.8 หมื่นล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยการขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่มให้แก่กองทุนฯ ตามสัญญาซื้อขายทรัพย์สินส่วนเพิ่มดังกล่าวเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2562
นอกจากนี้ TTTBB ได้ทำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมและแทนที่สัญญาเช่าหลักและสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมและแทนที่สัญญาประกันรายได้กับกองทุนฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2562 โดยสัญญาทั้งสองสัญญาดังกล่าวมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2562 ซึ่งเป็นวันที่ TTTBB ขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่มให้แก่กองทุนฯ เสร็จสิ้น
สำหรับธุรกรรมการเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงจากกองทุนฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย การเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่มจากกองทุนฯ, การขยายอายุสัญญาเช่าหลักสาหรับสัญญาเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงหลักเดิม, การให้สิทธิแก่กองทุนฯ ในการขอต่ออายุสัญญาเช่าหลัก
ทั้งนี้ รายละเอียดของธุรกรรมการเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงจากกองทุนฯ ปรากฏตามหนังสือเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2562 และสารสนเทศแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2562
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุ JASIF แจ้งว่า กองทุนได้ดำเนินการลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภททรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มเติมครั้งที่ 1 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2562 ในราคารวม 3.8 หมื่นล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
กองทุนใช้เงินทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่จากการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 ของกองทุน จำนวน 2.25 หมื่นล้านบาท และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจำนวน 1.55 หมื่นล้านบาท สำหรับการซื้อทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มเติมครั้งที่ 1 และเงินกู้ยืมจำนวน 2.66 พันล้านบาท สำหรับการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อกรรมสิทธิ์ในเส้ยใยแก้วนำแสงเพิ่มครั้งที่ 1
ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่ม ประกอบด้วย กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงจำนวน 700,000 คอร์กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นใยแก้วนำแสงที่อยู่ในเส้นทางเพิ่มเติมจากเส้นใยแก้วนำแสงที่กองทุนมีอยู่เดิมจำนวนประมาณ 19,240 เส้นทาง คิดเป็นระยะทางประมาณ 57,580 กิโลเมตร ครอบคลุม 925 อำเภอ ใน 77 จังหวัด