HoonSmart.com>> หุ้นใหม่เดินหน้าขายหุ้นสวนทางตลาดขาลง “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” บริษัทในกลุ่ม “สิงห์ เอสเตท” สรุปราคาสุดท้าย IPO 5.20 บาท จากช่วงราคา 5.10-5.50 บาท ผู้ถือหุ้น S จอง 28-30 ต.ค. ส่วนอินเตอร์ ฟาร์มา ขาย 7 บาทต่อหุ้น เปิดจอง 28-30 ต.ค.นี้ คาดเข้า mai วันที่ 5 พ.ย.นี้ เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จัดโรดโชว์ในกรุงเทพฯ 30 ต.ค. ขายภายในปี 2562
บริษัท สิงห์ เอสเตท (S) แจ้งว่า บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) บริษัทในกลุ่ม ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,437.45 ล้านหุ้น ในราคา 5.20 บาท/หุ้น จากช่วงราคาเบื้องต้นที่ 5.10-5.50 บาท/หุ้น โดยจะเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของ S เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรร ระหว่างวันที่ 28-30 ต.ค.2562 สำหรับประชาชนทั่วไป ในวันที่ 1-5 พ.ย.2562 โดยบริษัทจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจโรงแรม มุ่งสู่การเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (โฮลดิ้ง) ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติ
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นของบริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) จำนวน 46 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท กล่าวว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IP ที่ หุ้นละ 7 บาท โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 28 – 30 ต.ค.นี้ คาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ในวันที่ 5 พ.ย.นี้
บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา เป็นผู้นำธุรกิจด้านการพัฒนา คิดค้น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพชะลอวัยและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์
” เรามั่นใจว่าการนำเสนอขายหุ้น IP จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังจากได้นำเสนอข้อมูลธุรกิจพบว่าได้รับความสนใจจำนวนมาก เนื่องจากเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินงานและโอกาสการเติบโตในอนาคต เนื่องจาก IP มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยคิคค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่แตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างตราสินค้า INTERPHARMA ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของ IP ในระยะยาวได้เป็นอย่างดี” นายรัฐชัย กล่าว
น.ส.นิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จะนำเงินจากการระดมทุนส่วนใหญ่ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อพัฒนาและเพิ่มผลิตภัณฑ์ ต่อยอดในการขยายช่องทางธุรกิจ และขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น
ดร.ทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา กล่าวว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายภายใน 5 ปีข้างหน้า จะก้าวสู่ผู้นำการคิดค้นและนำเสนอผลิตภัณฑ์สุขภาพที่แตกต่าง ด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพื่อการป้องกันและรักษาโรค การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น และชะลอวัย ภายใต้การขับเคลื่อนธุรกิจที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ด้วยแนวคิด ‘VALUE YOUR LIFE’
‘เรามีเป้าหมายเป็นบริษัทชั้นนำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์สุขภาพที่แตกต่าง รองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เพื่อดูแลสุขภาพและชะลอวัยจากภายในสู่ภายนอกเพิ่มขึ้น จึงได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเข้าสู่ร้านโมเดิร์นเทรด และช่องทางออนไลน์ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายและสามารถจดจำเครื่องหมายการค้า INTERPHARMA และสร้างการเติบโตระยะยาว พร้อมรุกขยายตลาดไปต่างประเทศ เช่น เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ต่อไป” ดร.ทรงวุฒิ กล่าว
ทางด้านบริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ (STC) นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทเตรียมจัดโรดโชว์ในกรุงเทพฯ วันที่ 30 ต.ค. เสนอขายหุ้น จำนวน 148 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ภายในปีนี้ นำเงินลงทุนใช้เพิ่มศักยภาพธุรกิจ รับโอกาส EEC พร้อมเดินหน้ารับงานใหม่ต่อเนื่อง หนุนโอกาสโตอย่างโดดเด่นในอนาคต โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปทุกประเภท และคอนกรีตผสมเสร็จภายใต้เครื่องหมายการค้า “STC” มีโรงงานผลิต 4 แห่ง ได้แก่ พัทยา 1 พัทยา 2 หนองปรือ และนาวัง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ด้านผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 196.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.35% เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนอยู่ที่ 170.10 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 58.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.85% เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนอยู่ที่ 44.85 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182.53% เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนอยู่ที่ 3.14 ล้านบาท
สำหรับหุ้นน้องใหม่ SET ในปี 2562 บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) ครองแชมป์หุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ให้ผลตอบแทนวันแรกสูงสุด หลังจากเข้าซื้อขาย วันที่ 24 ต.ค. 2562 เพิ่มขึ้นถึง 32.12% ที่ระดับ 4.36 บาท เทียบกับไอพีโอที่ 3.30 บาท และวันที่ 25 ต.ค. พยายามบวกต่อ ขึ้นไปสูงสุดถึง 4.56 บาทก่อนเจอภาวะตลาดดิ่งแรงกว่า 27 จุด ดัชนีหลุด 1,600 จุด โดยราคาปิดที่ 4.04 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.32 บาท คิดเป็น 7.34%
ส่วนแชมป์หุ้นใหม่ใน mai ได้แก่ บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์(GSC) เข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 13 มี.ค.62 วันแรกแจกกำไรให้กว่า 47% ปิดที่ 2.50 บาท เทียบกับราคาไอพีโอที่ 1.70 บาท แต่ล่าสุดวันที่ 25 ต.ค. เหลือเพียง 0.72 บาทต่ำกว่าราคาไอพีโอ
ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2562 มีหุ้นขนาดใหญ่เตรียมเข้าซื้อขายใน SET อย่างน้อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ประกอบธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) โดยเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เตรียมเสนอขายหุ้นจำนวนไม่เกิน 1,765 ล้านหุ้น คิดเป็น 54.40% ประกอบด้วยหุ้นเพิ่มทุน 280 ล้านหุ้น หุ้นเดิมที่เสนอขายโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ( FIDF) จำนวนไม่เกิน 1,255 ล้านหุ้นและหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อ กรณีมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จำนวนไม่เกิน 230ล้านหุ้น และบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เสนอขายหุ้นไม่เกิน 2,231,714,300 หุ้น