‘โกลเบล็ก’ ปรับโมเดลธุรกิจสู่ Platform การลงทุนครบวงจร

“โกลเบล็ก กรุ๊ป” เดินหน้าปรับ Business Model สู่ Platform การลงทุนครบวงจร ชูโปรแกรมเทรดอัจฉริยะ ภายใต้ “ MT4 SMART EA” พร้อมออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ไตรมาส 3/61 ด้าน IB จ่อนำหุ้น IPO เข้าตลาด 2-3 บริษัท

นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBS) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจตั้งแต่ต้นปี 2561 บริษัทฯมีการปรับ Business Model เพื่อรองรับกับธุรกิจการแข่งขันที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดย GBS ได้ให้ความสำคัญด้านช่องทางการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากโปรดักส์ด้านการลงทุน ทั้ง หุ้น และ ทองคำ โปรแกรมเทรดอัจฉริยะ MT4 รวมถึง IPO โดยการเพิ่มช่องทางการลงทุนหลายๆ Platform เพื่อให้รองรับกับการลงทุนในยุคดิจิตอลที่ให้มีความครบวงจรมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนทั้งรายเดิม และ รายใหม่ ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

GBS ยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทหุ้นกู้ เข้ามาเสริมซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวบริษัทฯเริ่มออกหุ้นกู้ตั้งแต่กลางปี 2559 ที่ผ่านมา โดยปีนี้ยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องควบคู่กับการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงการขยายธุรกรรมเพื่อรองรับความผันผวนในการลงทุน ทั้งที่เป็น Brokerage และ Non-Brokerage

นอกจากนี้ บริษัทฯยังส่งเสริมการตลาดด้านธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) การพัฒนาระบบการลงทุนออนไลน์ด้านหลักทรัพย์-อนุพันธ์ เพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงได้ง่ายและมีความหลากหลาย Platform อาทิ Settrade, I2Trade, Stock Radars และ MT4 for TFEX มุ่งเน้นให้ความรู้การลงทุนและ Model Trade แก่นักลงทุนที่เป็นลูกค้า ทั้งการลงทุนในหลักทรัพย์และอนุพันธ์ ขยายฐานลูกค้าไปยังด้านการซื้อขายหน่วยลงทุนเพิ่ม โดยคาดว่าในไตรมาส 3/2561จะออก “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง” หรือ Structured Debentures รวมถึงขยายธุรกรรม block trade และธุรกรรม structure note ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนขออนุมัติต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ทั้งนี้ เป็นการกระจายฐานลูกค้า ด้วยการเพิ่มรายใหม่ๆ ที่เป็น High Net Worth มากขึ้นหรือนักลงทุน รายใหญ่ กลุ่มลูกค้าเงินเย็น ซึ่งหากประสบความสำเร็จ เราก็จะส่งต่อลูกค้าไปยัง Private Fund โดย บริษัทฯมีแผนจะรุกธุรกรรม Private Fund ในอีก 2 ปีข้างหน้า

นายธราภุช คูหาเปรมกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโกลเบล็ก โฮลดิ้ง (GBX) กล่าวถึงทิศทางธุรกิจของโฮลดิ้งว่า ในปีนี้ทางบริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์ โดยจะเน้นในการโปรดักส์ใหม่ๆเข้ามา เพื่อเป็นการขยายช่องทางการซื้อขาย ให้กับลูกค้าที่ต้องการเข้ามาลงทุนในทองคำแท่งมากขึ้น โดยล่าสุด บริษัทฯได้ เปิดช่องทางให้ลูกค้าสามารถซื้อขายทองคำแท่ง ผ่าน Application Mobile ทั้งระบบ iOS และ Android รวมถึงการเพิ่มช่องทางข่าวสารของบริษัทฯ โดยเฉพาะการจัดทำบทวิเคราะห์การลงทุนในทองคำ ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก ผ่าน Social Media มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ การลงทุนในยุคเทคโนโลยี4.0 โดยในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของรายได้จากธุรกิจค้าทองคำ ไว้ที่ระดับ 40,000 – 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการขยายฐานลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10 – 20% รวมทั้งการออกไปเจาะตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ามากขึ้น

นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช รองกรรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดตราสารอนุพันธ์ในปี 2561 ยังมีสินค้าที่ได้รับความนิยม อาทิ Single Stock Futures, SET50 Index futures, Gold Futures และ USD Futures โดยปริมาณการซื้อขาย Single Stock Futures จะมาจากธุรกรรม Block Trade เป็นหลัก สำหรับสินค้าอ้างอิงใน Single Stock Futures คาดว่าทาง TFEX กำลังพิจารณาขยายสินค้าอ้างอิงให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นจากปัจจุบันมี Single Stock Futures ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ไปแล้วทั้งหมด 94 หลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดลักษณะสัญญาของ GOLD-D เพื่อทำให้นักลงทุน ได้ซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ปราศจากความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอย่างที่ต้องการ

ทั้งนี้ โกลเบล็ก จะเน้นการให้บริการที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถหาผลตอบแทน หรือกำไรที่พึงพอใจจากตลาด TFEX ได้เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขายสำหรับนักลงทุนออนไลน์ โดยสินค้า TFEX จะมีให้เลือกให้เหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละประเภท เช่น การจัดสัมมนาให้ความรู้จะกระจายไปสู่ในออนไลน์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการทำ Online Workshop ให้กับกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ

ด้านนายระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวถึงโปรแกรมเทรดอัจฉริยะ MT4 SMART EA คือ โปรแกรม Robot Trade ที่ช่วยในการส่งคำสั่งอัตโนมัติในตลาด TFEX โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเป็นเลย เพราะเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีกลยุทธ์ให้เลือกใช้มากกว่า 20 แบบ และสามารถนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้ร่วมกันได้

“โปรแกรมนี้ช่วยให้ลงทุนได้มีวินัยมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเฝ้าหน้าจอเทรด ไม่ต้องส่งคำสั่งเองก็จะทำให้สามารถปฏิบัติตามแผนการลงทุนในระยะ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปีได้ ซึ่งก็จะทำให้เห็นพอร์ทการลงทุนที่เติบโตขึ้นได้ชัดเจน และยิ่งถ้าใช้การวางเงินที่เหมาะสมมาเสริมในการบริหารพอร์ทก็จะช่วยให้รองรับความผันผวนในการลงทุนได้จนสามารถปฏิบัติตามแผนการลงทุนในระยะยาวได้ โดย ปัจจุบันมีกลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจกับ EA เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมี Volume Trade จาก EA เพิ่มขึ้นทุกเดือน และคาดหวังว่าจะมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปจากการที่พยายามทำการตลาดให้เป็นที่รับรู้มากขึ้น”นายระพีพัฒน์ กล่าว

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีดีล IPO ประมาณ 12 ดีล ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย อาทิ กลุ่มสื่อสาร ขนส่ง วัสดุก่อสร้าง โรงพยาบาล อาหาร สินค้าอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับโครงการและยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยปีนี้ตั้งเป้าจะยื่นไฟลิ่ง อีก 2 บริษัท ขนาดของธุรกิจ Market Cap ของแต่ละบริษัทประมาณ 1,000 ถึง 2,000 ล้านบาท และตั้งเป้าจะยื่น IPO ประมาณ 3-4 ดีลต่อปี โดยล่าสุด ได้ยื่นไฟลิ่ง ไปแล้วคือ บมจ.โซนิค อินเตอร์เทรด คาดว่าจะสามารถทำการซื้อขายได้ในเร็วๆนี้