HoonSmart.com>> “ปตท.” ส่งบริษัทย่อย PTT Tank ถือหุ้น 30% ตั้งบริษัทร่วมทุน GULF ถือ 70% พัฒนาท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วง 1) มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท เซ็นสัญญากนอ.ระยะเวลา 30 ปี
บริษัท ปตท. (PTT) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2562 บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) ซึ่งถือหุ้นโดย ปตท. 100% ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ภายใต้ชื่อ บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด ทุนจดทะเบียน 3,500 ล้านบาท โดย PTT Tank ถือหุ้นในสัดส่วน 30% และ GULF ถือหุ้น 70%
การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ปตท. ครั้งที่ 6/2562 เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2562 โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อการดำเนินธุรกิจทั้งด้าน LNG Value Chain และด้านโลจิสติกส์ เพื่อสนับสนุนการลงทุนอื่นๆ ในอนาคต ตามแผนกลยุทธ์ของ ปตท. ทั้งยังเป็นการสร้างพันธมิตรเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2562 บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล ได้เข้าทำสัญญาร่วมลงทุนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ที่มีมูลค่าการลงทุนร่วมกันในส่วนของการถมทะเลประมาณ 12,900 ล้านบาท และสิทธิในการก่อสร้าง LNG Terminal ช่วงที่ 1 ขนาดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านตัน เป็นเงินลงทุนประมาณ 28,000 ล้านบาท รวมการลงทุนทั้งหมดประมาณ 40,900 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2562 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมทุน PPP สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอมา
ด้านบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งว่า โครงการท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 ซึ่งมีอายุสัญญา 30 ปีโดยโครงการฯ มีมูลค่าประมาณ 40,900 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) งานออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ได้แก่ งานขุดลอกและถมทะเลในพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ มูลค่าประมาณ 12,900 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 3 ปีหรือแล้วเสร็จภายในปี 2566 และ 2) สิทธิในการก่อสร้างท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (Superstructure) บนพื้นที่ถมทะเลประมาณ 200 ไร่ เพื่อรองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวไม่ต่ำกว่า 5 ล้านตันต่อปี (สำหรับท่าเรือก๊าซส่วนแรก) และส่วนขยายไปจนถึง 10.8 ล้านตันต่อปี โดยท่าเรือก๊าซส่วนแรกมีมูลค่าประมาณไม่เกิน 28,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดดำเนินการประมาณปี 2568
ทั้งนี้ ภายหลังการลงนามสัญญา PPP ดังกล่าว บริษัทฯ จะเริ่มดำเนินการจัดหาเงินกู้และเริ่มงานก่อสร้าง โดยจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป