HoonSmart.com>>บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป หรือ สุกี้เอ็มเค (M) สร้างข่าวใหญ่ในวงการธุรกิจอาหาร และตลาดทุน เมื่อคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติวันที่ 6 ก.ย. 2562 ไฟเขียวให้บริษัทย่อยใช้เงินจำนวน 2,060 ล้านบาท ซื้อหุ้น 65% ของบริษัท แหลมเจริญ ซีฟู้ด จำกัด
ดีลนี้เป็นการจับคู่ที่เหมาะสมกันมาก ผู้นำร้านสุกี้บนห้างมาแต่งงานกับร้านอาหารทะเลบนห้าง นำจุดแข็งมาช่วยเติมเต็มให้ทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมปิดจุดอ่อน จุดเสี่ยงได้มากทีเดียว
เอ็มเค มีกระแสเงินสดสูง มีเทคโนโลยีชั้นสูง ระบบออนไลน์สุดยอด จะช่วยผลักดันให้แหลมเจริญ ขยายสาขา เพิ่มยอดขายโตก้าวกระโดดไม่ยาก
เชื่อว่า แหลมเจริญ ซีฟู้ดจะดังเปรี้ยงปร้างไปไกลถึงต่างประเทศ
M ลงทุนครั้งนี้ สุดคุ้ม ได้ผลตอบแทนกลับคืนมาเร็วอย่างแน่นอน เพราะแบรนด์ แหลมเจริญ แข็งแรง สินค้าเป็นที่ต้องการของลูกค้า ยอดขายต่อบิลสูง
บริษัทวางกลยุทธ์โต ด้วยการขยายธุรกิจร้านอาหาร
ที่ผ่านมา บริษัทขยายโดยการลงทุนเอง ต่อยอดร้านสุกี้ ไปหาตลาดใหม่ ๆ ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารไทย ร้านขนมหวาน และร้านกาแฟ ธุรกิจค่อยๆเติบโต แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ใครอยากทานอาหารญี่ปุ่นต้องไปร้าน Yayoi ในกลุ่มเอ็มเค
แต่ตลาดหลัก คือสุกี้ รายได้กลับลดลง ผ่านจุดเฟื่องฟูไปแล้ว ต้องหาพระเอกคนใหม่ เชื่อว่าอาหารทะเลจะเป็นที่นิยมในระยะยาว
ถ้าจำกันได้ ตอนบริษัทนำหุ้นเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 15 ส.ค. 2556 หุ้น M ให้ผลตอบแทนสูงมาก สำหรับคนจองซื้อไอพีโอที่ 49 บาท จุดเด่นอยู่ที่แบรนด์สุกี้เอ็มเค เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และผลการดำเนินงานปี 2555 โดดเด่น รายได้จากการขายและบริการ รายได้รวม และกำไรสุทธิ เติบโตสูงกว่า 20% ในปีนั้น บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.15% จากปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 1,617 ล้านบาท
หลังจากปี 2555 รายได้จากการขายและบริการ และรายได้รวมไม่เคยโตเกิน 10% อีกเลย
แต่การลงทุน หุ้น M จะดูเพียงรายได้จากการขายและบริการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเจาะลึกไส้ในด้วย
บริษัทมีรายได้ระยะยาวจากการให้สิทธิใช้เครื่องหมายการค้าและรูปแบบการให้บริการ “เอ็ม เค เรสโตรองต์” เปิดร้านอาหารสุกี้ยากี้รูปแบบไทยในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันบริษัทขยายสาขาในประเทศไทยมากกว่า 400 สาขา รวมถึงสาขาในเอเชีย ที่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม
นอกจากนี้ธุรกิจยังสร้างกระแสเงินสดสูงกว่า 3,000 ล้านบาท/ ปี บริษัทนำไปลงทุนผ่านหลายช่องทาง สร้างดอกเบี้ยรับปีละหลายร้อยล้านบาท
ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2562 มีเงินฝากประจำ 5,800 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.75-1.96% ต่อปี เงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อค้า 3,618 ล้านบาท เงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล 1,252 ล้านบาท
ที่สำคัญ บริษัทบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้สำเร็จ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 65.9% 67.3% และ 68.4% ในปี 2559-2561 เช่นเดียวกับ อัตรากำไรสุทธิ จาก 12.4% 13.5% และ 14.9% ทำให้กำไรสุทธิยังดูดี เติบโตมากกว่า 10% ในบางปี จากเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่ากำไรมาจากสุกี้เอ็มเค สัดส่วน 80%
หุ้น M ยังมีจุดเด่น เงินปันผลสูงลิ่ว คิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 3% ต่อปี
บริษัทกำหนดนโยบายจ่ายไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ แต่จ่ายจริงสูงถึง 85-93% ของกำไรสุทธิ เช่น ผลการดำเนินงานปี 2561 บริษัทแจกหุ้นละ 2.50 บาท ใช้เงินทั้งหมด 2,302 ล้านบาท คิดเป็น 89%ของกำไรสุทธิ สำหรับกลางปีนี้ จ่ายหุ้นละ 1.30 บาท เป็นเงิน 1,197.14 ล้านบาท คิดเป็น 85.62% ของกำไรสุทธิ
จึงทำให้ M เป็นหุ้นที่คนซื้อแล้วจะถือลงทุนระยะยาว และเป็นที่หมายปองของนักลงทุนสถาบัน ตามตื้อขอซื้อหุ้นบิ๊กล็อตอยู่บ่อยครั้ง จนเมื่อต้นปี 2561 ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายบิ๊กล็อตจำนวน 51 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.54% ในราคาหุ้นละ 83 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,233 ล้านบาท ช่วยเพิ่มสภาพคล่องหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่ปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันไม่มากนัก ไม่กี่แสนหุ้น
เชื่อว่า การจุดพลุซื้อหุ้นแหลมเจริญ ซีฟู้ด ครั้งนี้ จะช่วยแก้ปัญหารายได้สุกี้เอ็มเคเติบโตช้าลงได้สำเร็จ สร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจกลุ่มเอ็มเค สามารถครองความเป็นผู้นำตลาดอาหารเซกเมนต์หลัก ๆได้ โดยเฉพาะอาหารทะเลที่มีมูลค่ามหาศาลในประเทศไทย และต่างประเทศ ผลตอบรับจะสะท้อนกลับถึงปัจจัยพื้นฐานและราคาหุ้น M ในอนาคต