กองทรัสต์ SHREIT เดินหน้าเพิ่มสินทรัพย์ธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคอาเซียน หวังเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วย พร้อมโชว์ผลงานปี’60 รายได้ กำไรเติบโตแข็งแกร่ง
นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส ในฐานะผู้จัดการทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ (SHREIT) เปิดเผยว่า แผนพัฒนาธุรกิจในปี 2561 จะมุ่งเน้นในเรื่องการจัดทำอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) เพื่อกระจายแหล่งเงินกู้ให้มีความเหมาะสมมากขึ้นและลดต้นทุนทางการเงิน ตลอดจนการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่เพิ่มเติมที่คาดว่าจะเป็นการเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วย
“ปี 2561 จะเป็นปีแห่งการขยับขยายและการเติบโต เนื่องจากเรามีโอกาสเพิ่มสินทรัพย์ใหม่ๆ ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมทั้งในตลาดปัจจุบัน และในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ เรายังได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากผู้ถือหุ้นสถาบันของเราเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตและเรามีการติดต่อประสานงานอย่างใกล้ชิดกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเพิ่มพูนสินทรัพย์ในกองรีทของเราในอนาคตอันใกล้” นายปธาน กล่าว
กองทรัสต์ SHREIT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยมีพอร์ตโฟลิโอประกอบด้วย โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 317 ห้องพัก และโรงแรม Capri by Fraser และโรงแรม IBIS Saigon South ในประเทศเวียดนาม ที่เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว และ 3 ดาว โดยมีห้องพักขนาด 175 ห้องและ 140 ห้องตามลำดับ ได้รายงานผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจทั้งในแง่ของรายได้รวมและกำไรสุทธิ อันเป็นผลมาจากรายได้ค่าห้องพักที่เพิ่มขึ้นและรายได้อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดงานแต่งงานและธุรกิจ MICE ในอินโดนีเซีย ตลอดจนอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของเวียดนาม ส่งผลให้อัตราการเติบโตสูงในกลุ่มธุรกิจแสดงสินค้าและอีเว้นท์ต่างๆ ที่ถูกจัดขึ้น ณ Saigon Exhibition and Convention Centre
ทั้งนี้ หลังจากผลประกอบการที่น่าประทับใจในปี 2560 บริษัทฯ ยังคงมั่นใจในศักยภาพของสินทรัพย์ในเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งตอบสนองโดยตรงต่อกลุ่มลูกค้าประเภทต่างๆ เช่น นักท่องเที่ยวต่างชาติ นักท่องเที่ยวภายในประเทศ ภาคธุรกิจ กลุ่ม MICE และการจัดงานแต่งงาน ที่ล้วนสร้างอัตราการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบันกอง SHREIT มีสินทรัพย์รวมมูลค่า 165 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นปี 2560 โดยกอง SHREIT ถูกจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นกองรีทที่อิสระจากเจ้าของสินทรัพย์และบริหารในเชิงรุก โดยตั้งเป้าการเติบโตจากสินทรัพย์ปัจจุบันและการขยายสินทรัพย์จากการเข้าซื้อธุรกิจโรงแรมเพิ่มเติม และบริหารเงินทุนด้วยความรับผิดชอบ โดยการนำกอง SHREIT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ เข้าลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงในภูมิภาค โดยเป็นสินทรัพย์ที่มีความหลากหลายและตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมายต่างๆ
สำหรับผลประกอบการในปี 2560 โรงแรม Pullman Jakarta Central Park มีรายได้รวมทั้งสิ้น 222.74 พันล้านรูเปีย (คิดเป็น 508.91 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 7.8% จากปี 2559 และมีกำไรสุทธิ 95.20 พันล้านรูเปีย (คิดเป็น 218 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 19.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่โรงแรม Capri by Fraser ที่กรุงโฮจิมินท์ มีรายได้รวม 68.20 พันล้านดอง (คิดเป็น 94.48 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 39.41 พันล้านดอง (คิดเป็น 54.59 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 2.1% จากปีก่อนหน้า ส่วนโรงแรม IBIS Saigon South ในปี 2560 มีรายได้รวม 40.58 พันล้านดอง (คิดเป็น 56.21 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 15.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากผลประกอบการอยู่ที่ 18.21 พันล้านดอง (คิดเป็น 25.22 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 17.7% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ผ่านมา
นายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการกอง SHREIT กล่าวว่า โรงแรมทั้ง 3 แห่งที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอนั้น สามารถสร้างรายได้ของเดือนมกราคมที่สูงสุดในประวัติการณ์ในเดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโมเมนตั้มที่แข็งแกร่งจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักในโรงแรม Capri by Fraser และ IBIS Saigon South ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการเติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพของโรงแรม Pullman Jakarta Central Park ที่ได้แรงหนุนจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของคนท้องถิ่น รวมถึงรายได้อื่นๆ นอกเหนือจากรายได้จากห้องพัก ที่เติบโตเป็นเลข 2 หลัก
ทั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนสินทรัพย์ของ SHREIT นั้นมีความแตกต่างจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองรีทอื่นๆ ที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยกอง SHREIT สามารถกระจายความเสี่ยงและให้ความยืดหยุ่นในการลงทุน โดยสร้างผลตอบแทนและมีอัตราการเติบโตสูงจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ที่เป็นเศรษฐกิจเกิดใหม่และมีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็ว