HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 90 จุด วิตกสงครามการค้าฯ หลังทรัมป์ส่งสัญญาณจะไม่ตกลงใดๆ กับจีน ตลาดหุ้นยุโรปลบเล็กน้อย ด้านราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ที่ 26,287.44 จุด ลดลง 90.75 จุด หรือ 0.34% จากความกังวลต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่การทำข้อตกลงใด
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,918.65 จุด ลดลง 19.44 จุด, -0.66%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,959.14 จุด ลดล 80.02 จุด, -1.00%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคมว่า สหรัฐฯจะยังไม่ตกลงทางการค้าใดๆกับจีน โดยระบุว่า” จีนต้องการที่จะดำเนินการในบางด้าน แต่ผมจะยังไม่ทำอะไร 25 ปีที่ผ่านมีแต่การเอาเปรียบ ผมไม่รีบขนาดนั้น” และยังกล่าวอีกว่าจะไม่ทำธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ยของจีน
ฟ็อกซ์บิสซิเนส รายงานว่า ทำเนียบขาวได้ชี้แจงคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย
นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวว่าอาจจะยกเลิกการเจรจาทางการค้ากับจีนที่กำหนดไว้ในเดือนกันยายน ซึ่งสำหรับสหรัฐฯ การเจรจาจะมีขึ้นหรือไม่ ไม่มีปัญหา
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีได้กลับมาซื้อขายที่ 1.731%
ตลาดยังวิตกว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะมีผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยอีกครั้ง จากผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอรส์ ซึ่งจะผลไปสู่การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน และครั้งต่อไปในปีหน้า
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เห็นชัดเจนทำให้นักลงทุนจับตาผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน โดยในขณะนี้ 90% ของบริษัทได้รายงานผลการดำเนินงานแล้ว
ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) เดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 0.2% สอดคล้องกับที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตามยังทรงตัวที่ 1.7% จากระยะเดียวกันของปีก่อน
หุ้นผู้ผลิตชิปลดลง โดยหุ้นไมครอนเทคโนโลยีลดลง 2.5%
หุ้นอูเบอร์ลดลง 6.80% หลังขาดทุน 5.24 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสสอง
หุ้นเจ ซี เพนนี ลดลง 13.54% หลังได้รับคำเตือนให้ถอนออกจากตลาดจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดทรัพย์(ก.ล.ต.) เพราะหุ้นที่ซื้อขายในตลาดต่ำกว่าเกณฑ์
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อย นำโดยหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานและกลุ่มยานยนต์ที่ต่างลดลงมากกว่า 2.5% จากความกังวลต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนและสถานการณ์ทางการเมืองในอิตาลีจากความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งอาจจะไปนำสู่การยุบสภาและการเลือกตั้งใหม่
ในอิตาลีส่งผลให้ดัชนี FTSE MIB ลดลง 2.5% หุ้นแบงก์ในอิตาลีลดลง โดยหุ้นบังโก บีพีเอ็มลดลง 9%
หุ้นยูนิเครดิตและหุ้นยูบิ บังกา ลดลง 5% และ 8% ตามลำดับ ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรปลดลง 1.9%
ในอังกฤษ GDP ไตรมาสสอง ติดลบ 0.2% สะท้อนว่าเศรษฐกิจหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012
ในเยอรมนีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ยังติดลบที่ 0.572%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,253.85 จุด ลดลง 32.05 จุด,-0.44%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 371.56 จุด ลดลง 3.15 จุด,-0.84%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,327.92 จุด ลดลง 60.04 จุด,-1.11%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,693.80 จุด ลดลง 151.61 จุด,-1.28%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 1.96 ดอลลาร์ หรือ 3.60% ปิดที่ 54.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 58.53ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

