HoonSmart.com>> ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 2 เหรียญสหรัฐหรือเกือบ 5% หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ผสมความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอฉุดความต้องการใช้น้ำมันลดลง
บริษัท ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลงราวร้อยละ 5 เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันหลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 2 ส.ค. 62 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับคาดการณ์ หลังจากปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ แต่ยังอยูในระดับที่สูงกว่าคาเฉลี่ย 5 ปี ทั้งนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 4.4 และ 1.5 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ
นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่ออุปสงคน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มอ่อนตัว เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะตั้งกำแพงภาษีมูลคาสามแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากจีน ภายในวันที่ 1 ก.ย. 62
ด้าน EIA ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในปี 62 จาก 1.4 ล้านบารเรล มาอยูที่ 1.28 ล้านบาร์เรล ทำให้คาดการณปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในปี 62 อยูที่ระดับ 12.27 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกได้รับผลกระทบจากเฮอรริเคน Barry เมื่อเดือนที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดตลาดวันที่ 7 ส.ค. 62 อยู่ที่ 51.09 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง 2.54 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือ -4.97% ส่วนเบรนท์ปิด 56.23 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง 2.71 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือ -4.82%

