“เอเซียพลัส” รวมผลงานบจ.ไตรมาส 1 มีกำไรทั้งหมด 2.84 แสนล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรียลเซคเตอร์ ลุ้นไตรมาส 2 ชะลอ จากแบงก์ ส่วนพลังงานดีตามราคาน้ำมัน เป้าทั้งปีกำไรขยายตัว11% ยืนดัชนี 1,766 จุด
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส สรุปผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2561 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) จำนวน 491 บริษัท หรือประมาณ 97% ของมาร์เก็ตแคปรวม ทำกำไรสุทธิได้ 2.84 แสนล้านบาท ดีขึ้น 2.2% จากไตรมาส1/2560 และเพิ่มขึ้น 13.6% จากไตรมาส 4/2560
“บริษัทที่ทำธุรกิจเรียลเซคเตอร์ทำกำไรได้ดีมาก รวม 2.18 แสนล้านบาท มากกว่า 1/2560 ที่ทำได้ 2.13 แสนล้านบาท และมากกว่าไตรมาส 4/2560 ที่ทำได้ 1.89 แสนล้านบาท คิดเป็น 26% ของประมาณการกำไร ที่คาดทั้งปี 1.09 ล้านล้านบาท”บล.เอเซียพลัสกล่าว
สำหรับกลุ่มพลังงานมีกำไรโต7.4% จากไตรมาส1/2560 และ245จากไตรมาส 4/2560 หลักๆมาจากกำไรพิเศษของ EGCO กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท รวมทั้งกำไรของ PTTEP, GLOW และ EA ที่ดีขึ้น
กลุ่มโรงพยาบาล โต 38.9% จากไตรมาส1/260และ 19.4% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ ผลจากกำไรสุทธิของ BDMS ที่เพิ่มขึ้นมาก รวมทั้งโรงพยาบาลขนาดเล็ก ส่วนกลุ่มขนส่งโต 20.6%จากไตรมาส 1/2560
หลักๆ มาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของ AOT และ AAV
ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2561 ฝ่ายวิจัย ASP มองว่าจะชะลอตัวจากไตรมาส 1 เพราะคาดว่ากำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะทรงตัว หรือชะลอตัว ผลจากรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง ต้นทุนสูงขึ้น, กลุ่ม ICT กำไรน่าจะทรงตัว หรือดีขึ้นเล็กน้อย, กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม กำไรจะอ่อนตัวแรงในไตรมาส 2และ 3 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น
อย่างไรก็ตาม กำไรกลุ่มพลังงานอาจดีขึ้น จากราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง ทำให้ฝ่ายวิจัยฯ เตรียมพิจารณาปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมัน จากที่ให้ไว้ 65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลปีนี้ และ 70 ดอลลาร์สหรัฐในปีหน้ารวมถึงกลุ่มส่งออกจะได้รับผลบวกจากเงินบาทอ่อนค่า และเป็นวัฐจักร ของกลุ่มส่งออกที่ดีขึ้นด้วย
ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 1.09 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จาก 9.82 แสนล้านบาท และคงเป้าหมายดัชนีที่ 1766 จุด มีค่าพี/อี 16.09 เท่า สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย 16.53 เท่า,ฟิลิปปินส์ 17.80 เท่า แต่สูงกว่าอินเดีย ซึ่งอยู่ที่ 15.60 เท่า, อินโดนีเซีย 14.93 เท่า และจีน 12.56 เท่า