HoonSmart.com>>บล.ดีบีเอสฯแนะอาศัยจังหวะตลาดขาลง เพิ่มคุณภาพพอร์ต คัดทิ้งหุ้นเน่า เตือนระวังหุ้นที่ผู้บริหารขายออกแล้วไม่ซื้อคืน เป็นสัญญาณทิ้งบริษัท กรณีผู้สอบบัญชีไม่รับรองงบการเงินบ่อย กำไร-รายได้ลดลงหลายไตรมาส เชิญชวนซื้อหุ้น 8 ตัว BEM-STEC-AMATA-BBL-PTT-QH-RJH-AIMIRT
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำการลงทุนในช่วงตลาดหุ้นตกต่ำ ในงานมันนี่ เอ็กซโป 2019 ที่บูธตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา โดย น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)กล่าวว่า นักลงทุนควรจะอาศัยโอกาสนี้ในการลดพอร์ตหรือเปลี่ยนตัวลงทุน เพื่อเพิ่มคุณภาพพอร์ต โดยการขายหุ้นที่ไม่ดีออกไป และนำเงินไปเลือกลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแทน หลังจากราคาหุ้นหลายตัวปรับตัวลงมามาก
สำหรับหุ้นที่ควรจะเลือกขายออกไป ทางดีบีเอสฯแนะนำว่า เป็นบริษัทที่มีรายได้และกำไรลดลงหลายไตรมาส รวมถึงหุ้นที่มีกำไรโตจากการลดต้นทุนเกินกว่า 2 ปี หรือกรณีผู้สอบบัญชีไม่ให้ความเห็นงบการเงินหลายไตรมาส
นอกจากนี้ยังมีหุ้นหลายบริษัทที่ผู้บริหารขายหุ้นแล้วไม่ซื้อหุ้นคืนภายใน 1 ปี หรือนักลงทุนสถาบันขายหุ้นแล้วไม่ซื้อกลับ และบริษัทที่มีการเปลี่ยนผู้บริหารบ่อยๆ
“นักลงทุนมีข้อมูลอยู่แล้ว กรณีบริษัทเปิดเผยข้อมูลเรื่องผู้บริหารขายหุ้นล็อตใหญ่ออกมาแล้วไม่ได้ซื้อคืน รวมถึงบริษัทแห่งนั้นก็ไม่มีทรัพย์สินอะไร แต่แปลกใจนักลงทุนยังคงเข้าเก็งกำไร ซึ่งจะต้องเพิ่มความระมัดระวัง”น.ส.อาภาภรณ์กล่าว
นาย สมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำนักลงทุนให้ลงทุนในหุ้น 7 ตัว ได้แก่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ(BEM),บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น(STEC), บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชัน(AMATA),ธนาคารกรุงเทพ(BBL),บริษัทปตท.(PTT),บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์(QH),บริษัท โรงพยาบาลราชธานี(RJH) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท(AIMIRT) ทั้งนี้ AIMIRT ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6%ต่อปี และมีการเพิ่มสินทรัพย์เข้ากอง
ทั้งนี้ BEM และ PTT มีจุดเด่นในเรื่องมีคู่แข่งน้อย BEM ได้ต่ออายุสัมปทานทางด่วนอีก 37 ปี สามารถเฉลี่ยต้นทุน ค่าใช้จ่าย และรายได้มั่นคง จากผู้ใช้บริการทางด่วน และรถไฟฟ้า รวมถึงโอกาสที่ได้สัมปทานในการเดินรถในเส้นทางใหม่ ส่วน ปตท. พอร์ตลงทุนทำธุรกิจหลากหลาย มีการวางแผนธุรกิจระยะยาวถึงปี 2567 ให้อัตราผลตอบแทนปันผล 4%ต่อปี ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสในการทยอยซื้อเพื่อลงทุน เช่นเดียวกับ QH รับรู้กำไรจากเงินลงทุนที่ดี เช่น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO)และบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG) รวมถึง QH มีการเปิดขายโครงการมากขึ้น คาดจะเร่งตัวในไตรมาส 3/2562
สำหรับ AMATA มีพื้นที่รอการขายสูงถึง 12,338 ไร่ ที่มีต้นทุนต่ำ สร้างอัตรากำไรค่อนข้างสูง และการขายที่ดินจำนวนมากในปลายปีที่ผ่านมา จะทยอยสร้างรายได้จากโอนส่งมอบที่ดินในครึ่งปีหลัง รวมถึงยังมีรายได้จากโครงการสาธารณูปโภค โดยให้ราคาพื้นฐาน 26 บาท
นายสมบัติกล่าวว่า นักลงทุนน่าจะทยอยซื้อสะสม BBL ให้เป้าหมาย 250 บาท ธนาคารกรุงเทพมีการตั้งสำรองสูงถึง 189% โอกาสในการตั้งสำรองเพิ่ม จึงมีน้อยลง สินเชื่อเติบโต 4-6% ส่วน STEC ให้มูลค่าเหมาะสม 31 บาท มีงานในมือกว่า 1.05 แสนล้านบาท คาดรับรู้รายได้ถึง 3 ปี จึงได้รับผลกระทบน้อยหากรัฐบาลมีการลงทุนโครงการใหญ่ล่าช้า ขณะเดียวกัน คู่แข่งไม่มาก ผู้รับเหมาที่มีโอกาสรับงานใหญ่มีเพียง 4 ราย รวมถึงบริษัทยังมีโอกาสได้งานไฟฟ้าตามแผน PDP ใหม่ ซึ่งเป็นงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ประมาณ 18-20% การซื้อหุ้นหมอชิตแลนด์ นำที่ดินมาลงทุนสร้างรายได้ประจำ และบริษัทมีจุดเด่นฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ