โดย..สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP
ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของ “โครงการอาสาพิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้น” สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์
– เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และสิทธิขั้นพื้นฐานรวมถึงข้อพึงปฏิบัติต่าง ๆ
– เพื่อ เพิ่มศักยภาพการลงทุน ปกป้องดูแลผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน โดยผู้ที่ผ่านการอบรมจะถูกคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทน“อาสาสมัครพิทักษ์สิทธิ” ของสมาคมฯ ในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น
– เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ต่อการ ตัดสินใจลงทุนของผู้ถือหุ้น
– เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในบริษัทจดทะเบียน
โดยอาสาพิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้นจะทำหน้าที่ในฐานะ “องค์กรตัวแทนผู้ถือหุ้นรายบุคคล” ที่ทำงานเชิงนโยบายในส่วนของผู้ถือหุ้นในการลงมติ การซักถามผู้บริหารในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น โดยหนึ่งในคำถามที่ผู้บริหารควรให้คำตอบกับผู้ถือหุ้นนอกจากวาระต่างๆ ก็คือ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา กลยุทธ์สำหรับการเติบโตในอนาคต และหลักธรรมาภิบาล มองๆไป ก็คือ หลักคนเก่งและคนดี เพราะเชื่อว่าองค์กรจะดีได้ไม่ใช่แค่เก่งอย่างเดียว ต้องดีด้วย
และหนึ่งในหลักธรรมาภิบาลที่ “อาสาพิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้น” ให้ความสำคัญก็คือ นโยบายต่อต้านคอรัปชั่น หรือโครงการการสร้างแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต หรือเรียกสั้นๆ ว่า CAC ซึ่งย่อมาจากคำว่า Collective Action Coalition Against Corruption เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนการจัดตั้งโดยรัฐบาล และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งแต่ปี 2553 และดำเนินการจัดตั้งโดยความร่วมมือของ 8 องค์กรชั้นนำในภาคเอกชนไทย ได้แก่ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD), สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, หอการค้าต่างประเทศ, สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย, สมาคมธนาคารไทย, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
โดยเป้าหมายหลักของ CAC คือการสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจในภาคเอกชนกำหนดนโยบายต่อต้านการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม และนำกลไกป้องกันการจ่ายหรือรับสินบนมาใช้งาน เพื่อสร้างและขยายเครือข่ายของธุรกิจสะอาดให้กว้างขวางและแข็งแกร่ง และนิติบุคคลภาคเอกชนทุกแห่งสามารถเข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์กับโครงการ CAC ได้ด้วยความสมัครใจ เพื่อแสดงจุดยืนของนิติบุคคลนั้นว่า จะร่วมกันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น
ทั้งนี้ การประกาศเจตนารมณ์ดังกล่าว ยังไม่ถือว่า CAC ให้การรับรองการเป็นสมาชิกของนิติบุคคลนั้น เนื่องจากผู้ประกาศเจตนารมณ์จะต้องทำแบบประเมินตนเองเกี่ยวกับมาตรการต่อต้านคอร์รัปชั่น (Self-Evaluation Tool for Countering Bribery) จำนวน 71 ข้อ เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการพิจารณาภายในระยะเวลา 18 เดือน นับแต่วันที่นิติบุคคลนั้นได้ลงนามประกาศเจตนารมณ์ อันเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญา ที่ระบุไว้ในคำประกาศเจตนารมณ์
การขอรับการรับรองจะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
1. ให้คณะกรรมการตรวจสอบ สอบทานข้อมูลในแบบประเมินตนเอง และรับรองโดยประธานคณะกรรมการตรวจสอบ หรือ
2. ให้ผู้สอบบัญชีของบริษัททำการประเมินแบบประเมินตนเอง และออกรายงานเพื่อนำส่งประธานคณะกรรมการบริษัท หรือ
3. แต่งตั้งผู้สอบบัญชีอื่นทำการประเมินแบบประเมินตนเอง และออกรายงานเพื่อนำส่งประธานคณะกรรมการบริษัท ทั้งนี้ ผู้สอบบัญชีที่แต่งตั้งนี้ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
การพิจารณาอนุมัติการรับรองเป็นสมาชิกโครงการ CAC โดยคณะกรรมการพิจารณารับรองของ CAC นั้น จะพิจารณาตามข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของความถูกต้อง ครบถ้วนของแบบประเมิน และเอกสารอ้างอิงต่าง ๆ และการรับรองของโครงการ CAC นี้ เป็นการรับรองให้แก่ระบบการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของนิติบุคคล ซึ่งมิได้เป็นการรับรองพฤติกรรมของบุคคลใดบุคคลหนึ่งในนิติบุคคล หากนิติบุคคลหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลใด ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการทุจริตคอร์รัปชั่น นิติบุคคลนั้นต้องชี้แจงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อสาธารณะ และ/หรือแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นด้วยตนเอง
ข้อมูลหลักฐานอ้างอิงทั้งหมดที่บริษัทยื่นประกอบการพิจารณาขอรับรองจาก CAC นั้นจะถูกจัดเก็บไว้เป็นความลับ และ CAC จะใช้พิจารณาเพื่อใช้ในการรับรองเท่านั้น โดยจะไม่นำไปเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทก่อน
แม้การสอบถามเกี่ยวกับ CAC จะเป็นแนวปฏิบัติงานของอาสาพิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้นก็ตาม ผู้ถือหุ้นทั่วไปก็ควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาล หรือ CAC ด้วยเช่นกัน เคยอ่านเจอคำพูดหนึ่งที่ว่า “คนเก่งแต่เลวน่ากลัว” ดังนั้นสนใจแค่ผลประกอบการ เช่น ROE, EPS, sales growth, gross margin, ฯลฯ อย่างเดียวคงไม่พอแล้วสำหรับยุคนี้ ร่วมกันช่วยกันดูธรรมาภิบาลเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเราในฐานะผู้ถือหุ้นและประเทศชาติด้วย
หมายเหตุ : ปัจจุบันมีบริษัทที่ได้รับการรับรองตามโครงการ CAC นี้จำนวนทั้งสิ้น 284 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560)
ขอขอบคุณที่มาข้อมูล www.thai-cac.com