HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นไตรมาส 1/2562 แจกผลตอบแทน 4.78% แต่วอลุ่มรูดลงเกือบ 36% ฉุดผลดำเนินงานบริษัทหลักทรัพย์ลงหนักถ้วนหน้า บล.โนมูระ พัฒนสิน ถึงกับขาดทุน 10 ล้านบาท บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แชมป์หลายสมัย มีลูกค้ารายใหญ่หลายคน เหลือกำไร 32 ล้านบาท ออเดอร์ลูกค้าบุคคลหายไป กดมูลค่าซื้อขายของบริษัทลดลง 45% เหลือ 1.6 หมื่นล้านบาท/วัน บล.เอเซียพลัสกำไร 118 ล้านบาท ลดลง 48%
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โนมูระ พัฒนสิน (CNS) เปิดเผยงบการเงินเฉพาะกิจการ งวดไตรมาส 1/2562 ขาดทุนสุทธิ 10 ล้านบาท พลิกจากงวดเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท เกิดจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทรุดลง 108.46 ล้านบาท คิดเป็น 45.58% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยของตลาดลดลงจาก 62,319 ล้านบาทต่อวัน เหลือ 40,051 ล้านบาทต่อวัน คิดเป็นประมาณ 35.73%
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 71 ล้านบาทหรือ 51.71% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุน ที่ปรึกษาทางการเงิน ค่าธรรมเนียมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์(มาร์จิ้น) ก็ลดลง 32.89 ล้านบาทหรือ 31.84% โดยมีกำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 3.44 ล้านบาทหรือ 20.98% ส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการทำธุรกรรม Block Trade-Single Stock Future
ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลง 119 ล้านบาทหรือ 28.25% แม้ว่าค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานสูงขึ้น 18 ล้านบาทหรือ 1.68% ก็ตาม ส่วนใหญ่เป็นผลจากการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานใหม่ ส่วนหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลง 65 ล้านบาทหรือ 100% เกิดจากปีนี้ไม่มีรายการพิเศษ ขณะที่ไตรมาส 1ปีก่อน มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากลูกค้ารายหนค่งที่ได้รับคำสั่งอายัดหลักประกันจากส่วนราชการ ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกให้ลูกหนี้ดังกล่าวชำระหนี้เต็มจำนวน
สำหรับ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET แชมป์โบรกเกอร์หลายสมัย ที่มีลูกค้ารายใหญ่หลายคนอยู่ในมือ เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิเพียง 32 ล้านบาท ลดลง 116.65 ล้านบาทหรือ 78.37% จากที่มีกำไรสุทธิ 148 ล้านบาทในปีก่อน
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า กำไรที่ลดลงมากในไตรมาส 1/2562 เพราะบริษัทมีรายได้ค่านายหน้าลดลง 216.59 ล้านบาทหรือ 39.21% เหลือจำนวน 335.79 ล้านบาท
รายได้หลักของบริษัท คือ ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 200 ล้านบาท หรือ 39.68% เหลือ 304 ล้านบาท เกิดจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ลดลง 36% เป็น 45,739 ล้านบาท และสัดส่วนนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท ลดลงจาก 43.08% เหลือ 36.45% ทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของบริษัทลดลง 45.6% จาก 30,662 ล้านบาท/วัน เป็น 16,673 ล้านบาท/วัน
รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 16.23 ล้านบาท หรือ 34.20% จาก 47.46 ล้านบาท เป็น 31.23 ล้านบาท ส่วนค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 1.37 ล้านบาทหรือ 21.64% เป็น 7.70 ล้านบาท เนื่องจากค่าที่ปรึกษาทางการเงิน เพิ่มขึ้น 3.30 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมและบริการอื่น ลดลง 0.97 ล้านบาท และ 0.96 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้อื่นๆ ลดลง 33 ล้านบาทหรือ 11.99% เป็น 243 ล้านบาท เพราะกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ลดลง 21 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยเงินฝห้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลง 10 ล้านบาท
MBKET มีค่าใช้จ่าย ลดลง 105.04 ล้านบาทหรือ 16% เป็น 547.44 ล้านบาท หลักๆ เป็นค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 72.42 ล้านบาท หนี้สญู และหนี้สงสัยจะสญู ลดลง 3.89 ล้านบาท
บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 118 ล้านบาท ลดลง 110 ล้านบาท คิดเป็น 48.24% เทียบกับที่มีกำไรสุทธิ 228 ล้านบาท เกิดจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 47% เหลือจำนวน 143 ล้านบาท จากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันของบริษัทลดลงจาก 3,173 ล้านบาทเป็น 1,544 ล้านบาท
ทางด้านค่าธรรมเนียมและบริการก็ลดลง 47% เหลือ 153.69 ล้านบาทมาจากการขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมและจัดจำหน่ายหุ้นกู้ลดลง ดอกเบี้ยและเงินปันผลลดลง 28% เหลือ 43 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรจากการซื้อขายเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ จำนวน 122.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.47 ล้านบาทหรือ 6.89% จากจำนวน 114 ล้านบาทในปีก่อน
อ่านประกอบ
รายงานพิเศษ : หมดยุคกินค่าคอมมิชชั่นหุ้น โบรกเกอร์ดิ้นหารายได้ดอกเบี้ย