ทรีนีตี้ชี้เป้า RATCH-BGRIM เด่นสุดแผน PDP 2018

HoonSmart.com>>หุ้นกลุ่มไฟฟ้าเด้งแรงรับข่าวครม.เห็นชอบแผน PDP 2018 เพิ่มกำลังผลิตเป็น 77,211 เมกะวัตต์  เพิ่มสัดส่วนพลังงานก๊าซธรรมชาติ มากที่สุดเทียบแผนเดิม  ทรีนีตี้ชอบความชัดเจนมากขึ้น ชี้เป้า RATCH-BGRIM เด่นสุด  เตือนแผนไม่มีอะไรใหม่  มีผลบวกต่อกลุ่มระยะสั้นเท่านั้น 

วันที่ 30 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มไฟฟ้าหลายตัวปรับตัวขึ้นแรง โดยเฉพาะบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 -2580 (PDP 2018)จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 77,211 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้น 4,000 เมกะวัตต์ จากร่าง PDP ฉบับประชาพิจารณ์ที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) อนุมัติ โดยบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทรีนีตี้  เลือก บริษัท ราช กรุ๊ป( RATCH) และ BGRIM เป็น Top Picks ในกลุ่มโรงไฟฟ้าและได้ประโยชน์จากแผน PDP เพราะนอกจากจะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักแล้ว ยังมีประเด็นการเติบโตของรายได้และกำไรในปี 2562 ที่โดดเด่น

ครม.อนุมัติแผน PDP ฉบับใหม่ ทำให้กลุ่มโรงไฟฟ้ามีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ต่อแผนการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ และส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก  สัดส่วนเพิ่มขึ้นมากที่สุด จาก 37% เป็น 53% เมื่อเปรียบเทียบกับแผน PDP เดิมฉบับ 2015 อย่างไรก็ตามภาพรวมของแผนไม่ได้เปลี่ยนไปจากฉบับที่กพช. อนุมัติไปแล้ว จึงมีมุมมองว่าประเด็นนี้เป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในระยะสั้น

ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 46,090 เมกะวัตต์ สำหรับกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 77,211 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 56,431 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตเก่าที่ถูกปลดออกจากระบบในปี 2561-2580 จำนวน 25,310 เมกะวัตต์ สัดส่วนการผลิตมาจากก๊าซธรรมชาติ 53%, ถ่านหินและลิกไนต์ 12% ,พลังน้ำจากต่างประเทศ 9%, พลังน้ำจากต่างประเทศ 9%, พลังงานหมุนเวียน 20% และการอนุรักษ์พลังงาน 6% โครงการโซลาร์ภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์ คิดเป็นปีละ 100 เมกะวัตต์เป็นเวลา 10 ปีที่ภาครัฐจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากประชาชน

นอกจากนี้จะมีการพัฒนาระบบผลิตและส่งไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับการซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชนที่เพิ่มมากขึ้นและเกิดความมั่นคงทางพลังงานในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และพัฒนาระบบพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทน รวมทั้งพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าสมาร์ทกริด (Smart Grid) ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูล ควบคุม และบริหารจัดการการผลิตและจ่ายไฟฟ้า โดยอัตโนมัติเพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างการผลิตไฟฟ้าและใช้ไฟฟ้าตลอดเวลา

ทางด้านราคาหุ้น BGRIM ปิดที่ 33.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 4.65% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 1,051 ล้านบาท บริษัท ซีเค พาวเวอร์ (CKP) ปิดที่ 5.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาทหรือ 2.63% บริษัท พลังงานบริสุทธิ์(EA) ปิดที่ 55.75 บาท บวก 1.25 บาทหรือ 2.25% บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์(GULF) ราคาขึ้นสูงสุด  106 บาท ก่อนปิดที่ 104.50 บาท บวก 1 บาทหรือ 0.97% และ RATCH ปิดที่ 62.25 บาท บวก 0.25 บาท