PTTEP ยอมรับรายได้ร่วงตามน้ำมันเตา บงกช-เอราวัณช่วยกำไร

hoonSmart.com>>ปตท.สผ.คาดราคาน้ำมันเตาลดลง 20 เหรียญจากผลกระทบ IMO มีผลต่อการกำหนดราคาขายก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของบริษัท 2-3 ปี เล็งทำประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา และได้แหล่งบงกช และเอราวัณมาช่วย

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นว่า การที่องค์การกิจการทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) กำหนดให้เรือเดินทะเลต้องใช้น้ำมันเตาที่มีค่ากำมะถันต่ำไม่เกิน 0.5% จากเดิม 3.5% โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2563 คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันเตาลดลงราว 20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่สูตรราคาขายก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของบริษัทอิงกับราคาน้ำมันเตากำมะถันสูง ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อราคาขายและรายได้ของบริษัทส่วนหนึ่ง ที่ผ่านมาบริษัทจึงเริ่มเจรจากับผู้ซื้อเพื่อขอปรับสูตรราคาก๊าซ รวมถึงเริ่มทำประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันในส่วนนี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบนี้จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีเท่านั้น เพราะการที่บริษัทได้ทำสัญญารูปแบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) ในแหล่งปิโตรเลียมบงกช และเอราวัณ โดยจะเข้าดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 จะมีสูตรราคาก๊าซที่อิงกับราคาน้ำมันดิบดูไบ

นายพงศธร กล่าวอีกว่า กำไรของบริษัทจะไม่ลดลง หลังจากที่ชนะการประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกช และเอราวัณ แม้ว่าบริษัทจะเสนอราคาขายก๊าซที่ 116 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งสามารถบริหาร 2 แหล่งร่วมกันได้ ทำให้ช่วยลดต้นทุนการดำเนินการ รวมถึงจะทำให้ปริมาณการขายมากขึ้น

สำหรับการเข้าไปบริหารในแหล่งปิโตรเลียมบงกช และเอราวัณ บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งบริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะขณะนี้มีเงินสดประมาณ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)ที่ต่ำประมาณ 0.16 เท่า ยังมีความสามารถกู้ได้อีกประมาณ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงโครงการทั้งสองก็จะมีกระแสเงินสดเข้ามาทันที และการที่บริษัทเข้าไปลงทุน สัดส่วนปริมาณสำรองจะเพิ่มขึ้น ทำให้มีความมั่นคงของพลังงานประเทศ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP กล่าวอีกว่า โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรียวัน และโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิเบอร์ราเคซ ที่บริษัทเข้าไปลงทุนมีความคืบหน้าการดำเนินการอย่างมาก ทำให้ปริมาณสำรองมีความแข็งแรงขึ้น ส่วนโครงการ Cash Maple ในออสเตรเลีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาผู้ร่วมทุน ล่าสุดการที่เข้าไปลงทุนในเมอร์ฟี่ ออยล์ที่มาเลเซีย ก็จะช่วยทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า

บริษัทได้วางกลยุทธ์การลงทุนโดยหันมาลงทุนในไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่เมียนมาร์ มาเลเซีย และต่อไปก็จะไปอินโดนีเซีย เพราะอินโดนีเซียกำลังจะเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังสนใจไปลงทุนในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโอมาน บริษัทได้มีการตั้งเงินสำรองสำหรับกฏหมายใหม่พนักงานที่เกษียณอายุไว้ที่ 572 ล้านบาท หากมีการประกาศใช้ ก็สามารถลงบันทึกในงบการเงินได้ทันที