ส่งออกเดือนม.ค.หดตัว 5.65% ติดลบ 3 เดือน

HoonSmart>>กระทรวงพาณิชย์เผยส่งออกเดือน ม.ค.มูลค่า 18,993.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 5.65% ลดลงต่อเนื่อง 3 เดือน จากสารพัดปัจจัย สงครามการค้ายืดเยื้อ เงินบาทแข็งค่า ส่งออกทองคำน้อยลง ยืนเป้าหมายทั้งปี 8 % ขอดูผลงานไตรมาส 1 ก่อนทบทวน

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศในเดือน ม.ค.2562 การส่งออกมีมูลค่า 18,993.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 5.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 23,026.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 13.99% ส่งผลให้เกิดการขาดดุลการค้า 4,032 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

การส่งออกเดือนม.ค. ยังคงติดลบต่อเนื่อง 3 เดือน จากเดือนพ.ย. และ ธ.ค.2561 จาก 5 ปัจจัยหลักที่สำคัญ คือ 1.สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงยืดเยื้อ 2.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงจากระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ลงมาอยู่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล 3.มูลค่าการส่งออกทองคำลดลง 36% 4.การส่งออกรถยนต์ในเดือน ม.ค.ติดลบ และ 5.ภาวะเงินบาทแข็งค่า ซึ่งกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตร ทำให้รายได้จากการส่งออกที่กลับมาในรูปเงินบาทลดลง

” การส่งออกของไทยในเดือนม.ค.ได้รับแรงกดดันจากภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัว และอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่ชะงักงัน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากประเด็นข้อพิพาททางการค้าที่ยังคงยืดเยื้อทำให้เกิดการชะลอคำสั่งซื้อ รวมทั้งผลจากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ปัจจัยที่ผันผวนระยะสั้น คือ ราคาน้ำมัน, ทองคำ และรถยนต์ ” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการส่งออกที่ต้องติดตามต่อเนื่องไปอีก 1-2 ไตรมาส คือ การบังคับใช้ FTA ของเวียดนาม-สหภาพยุโรป และ FTA เวียดนาม-ญี่ปุ่น ตลอดจนกรณีที่สินค้าไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP)

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ติดลบ 2.9% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สินค้าเกษตรสำคัญที่ส่งออกลดลง คือ ยางพารา, น้ำตาลทราย, มันสำปะหลัง ส่วนข้าวลดลงเล็กน้อย ในขณะที่สินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการยังขยายตัวได้ดี เช่น ผัก ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป, ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป, เครื่องดื่ม เป็นต้น
ส่วนตลาดหลักในภาพรวม ขยายตัว 1.7% ตลาดศักยภาพระดับรอง ติดลบ 8.1% เป็นผลจากการหดตัวของการส่งออกไปจีน ไต้หวัน และฮ่องกง ขณะที่ตลาดศักยภาพรอง ติดลบ 5.2% เนื่องจากการส่งออกไปตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย ละตินอเมริกา แอฟริกา และกลุ่มประเทศ CIS ลดลง

ภาพรวมการส่งออกในปี 2562 ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงใน 4 ปัจจัยหลัก คือ 1.การชะลอตัวของอุปสงค์ต่างประเทศ 2.ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากอุปทานและสต็อกล้นตลาด กดดันรายได้และการส่งออกของกลุ่มประเทศเกิดใหม่รวมทั้งไทย 3.แนวโน้มเงินบาทแข็งค่า 4.ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ยังกดดันบรรยากาศการค้าการลงทุนของโลก

สำหรับเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 8% จะมีการทบทวนหรือไม่นั้น จะขอประเมินภาพรวมในไตรมาสแรกก่อน แต่ยอมรับว่าอาจจะออกมาไม่ค่อยดีนัก หากจะให้โต 8% ในแต่ละเดือนจะต้องส่งออกไม่น้อยกว่า 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากทำได้เดือนละ 22,374 ล้านดอลลาร์ การส่งออกจะเติบโตได้ 5% และหากทำได้เดือนละ 21,915 ล้านดอลลาร์ การส่งออกจะเติบโตได้ 3%

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า ภาวะเงินบาทที่แข็งค่า ผู้ส่งออกไทยควรใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบตลอดจนเครื่องจักร หรือการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ รวมทั้งต้องไม่ลืมทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ