HoonSmart.com>> บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนักลงทุนระวังแรงขายทำกำไรหุ้น JAS หลังโชว์ผลงานปี 61 กำไรโต ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน ด้านกำไรหลักลดลง ส่วนงบไตรมาส 4/61 ไม่สดใส ชี้ปัจจัยเสี่ยง โอกาสขายสินทรัพย์เข้ากองทุนช้ากว่ากำหนด คำพิพากษาของศาลฎีกาอาจต้องบันทึกขาดทุนประมาณการหนี้สิน
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หลังจากบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) แจ้งกำไรสุทธิปี 61 เป็น 4.9 พันล้านบาท เพิ่มก้าวกระโดด 82% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะขายกองทุน JASIF บันทึกกำไรถึง 3.6 พันล้านบาท แต่กำไรหลักกลับลดลง 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แม้รายได้เพิ่ม 3% แต่รายการค่าใช้จ่ายในการบริหารและดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น รวมทั้งกำไรตามส่วนได้เสียที่ลดลง
ในงวดปี 61 ลูกค้าที่ใช้บริการอินเตอร์เน็ตจาก ทริปเปิลที บอร์ดแบนด์ (TTTBB) เพิ่มขึ้นสุทธิ 215,771 ราย (Net Additional Subscibers) จากลูกค้าทั้งหมด 2.94 ล้านราย
สำหรับไตรมาส 4/61 กำไรสุทธิลดลงถึง 87% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 123 ล้านบาท มีการบันทึกขาดทุนประมาณการหนี้สินจากการกลับพิพากษาของศาลฎีกาเพิ่มขึ้นถึง 443 ล้านบาท ส่วนกำไรหลักป็น 616 ล้านบาท ลดลง 28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลงมาก อีกทั้งกำไรตามส่วนได้เสียที่ต่ำลง
อย่างไรก็ตามการประกาศจ่ายปันผลงวดสุดท้ายของปี 61ที่ 0.28 บาท อัตราผลตอบแทนปันผลเป็น 4.6% XD 4 มี.ค.62 และจ่ายปันผล 23 พ.ค.62
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดว่าราคาหุ้นที่ปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ถึง 38% เพราะเก็งกำไรข่าวผลประกอบการและการขายสินทรัพย์เข้า JASIF จะบันทึกกำไรก้อนใหญ่ และอาจมีปันผลพิเศษจำนวนมากไปพอควรแล้ว อาจต้องระมัดแรงขายทำกำไร อีกทั้งงบกำไรไตรมาส 4/61ที่ออกมาก็ไม่สดใส
สำหรับปัจจัยเสี่ยงคือ 1) มีโอกาสที่จะขายสินทรัพย์เข้า JASIF ได้ช้ากว่ากำหนดราวไตรมาส 2/62 เพราะยังตกลงเลื่อนการขยายเวลาการเช่าออกไปอีก 10 ปี จากปี 2575 ไม่ได้ และ 2) ความเสี่ยงจากการบันทึกขาดทุนประมาณการหนี้สินจากการกลับพิพากษาของศาลฎีกาเพิ่มขึ้นอีก 416 ล้านบาทในอนาคต เทียบกับประมาณการหนี้สินสูงสุด 1,343 ล้านบาท (ไม่รวมดอกเบี้ย) โดย ณ สิ้นปี 61 ในส่วนหนี้สินบันทึกไว้ที่ 927 ล้านบาท และงบกำไรขาดทุน 613 ล้านบาท ขึ้นกับเจ้าหนี้จะมีมาฟ้องเพิ่มอีกหรือไม่
ส่วนการประเมินมูลค่าหุ้น แม้ว่า Trailing P/E ปี 61 ต่ำเพียง 10.0 เท่า แต่หากใช้กำไรปกติต่อหุ้นประเมินพบว่า P/E จะสูงขึ้นเป็น 23.9 เท่าแล้ว ส่วน P/BV ปี 61 เป็น 2.8 เท่า แต่กรณีที่บริษัทขายสินทรัพย์เข้า JASIF ได้เร็วกว่าคาดก็จะเป็นส่วนเพิ่ม (Upside Risk) ได้ ซึ่งบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ไม่ได้ทำการวิเคราะห์หลักทรัพย์นี้ (Not Rated) แต่เห็นว่าเป็นหลักทรัพย์ที่ตลาดฯให้ความสนใจสูง
สำหรับราคาหุ้น JAS ณ เวลา 12.10 น. อยู่ที่ 6.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.63% มูลค่าซื้อขาย 291.58 ล้านบาท