ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แรงหนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐรอบใหม่ การปรับลดกำลังผลิตในกลุ่มโอเปก
บริษัท ไทยออยล์ เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการเจรจการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รอบใหม่ โดยทำเนียบขาวแถลงการณ์ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะจัดการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่ง ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันที่ 1 มี.ค.62 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดที่มาตรการภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ โดยสหรัฐฯ ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากร้อยละ 10 ในปัจจุบัน เป็นร้อยละ 25
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบ ยังได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปก โดยผลการสำรวจรอยเตอร์ พบว่า การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน ม.ค.ปรับตัวลดลง 890,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 30.98ล้านบาร์เรลต่อวัน
ด้านแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในลิเบีย ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยังคงปิดดำเนินการเนื่องจากบางพื้นที่ยังคงถูกควบคุมโดยกลุ่มกบฏติดอาวุธ
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันที่ 8 ก.พ.62 อยู่ที่ 52.72 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.08 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือ 0.15% ส่วนเบรนท์ 62.02 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.39 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
อย่างไรก็ตามปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสองครั้งในรอบสามสัปดาห์ โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ.62 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7 แท่น มาอยู่ที่ 854 แท่น
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ บริษัท ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 51 – 56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 59 – 64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล