แสนสิริตั้งเป้าหมายแบบระมัดระวัง หวั่น 3 ปัจจัยฉุด ปีนี้โตน้อยกว่าปีก่อน หวังยอดขายแค่ 3.6 หมื่นล้านบาท เปิด 28 โครงการใหม่ ส่งคอนโดฯเข้าตลาดน้อยลง ต่างชาติซื้อเพียง 9 พันล้านบาท ขยายฐานลูกค้าไปหลายประเทศ คาดปีหน้ายอดขายพุ่งเป็น 5.5 หมื่นล้านบาท และ 6.5 หมื่นล้านบาทในปีต่อไป
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ยอดโอนรวมประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการกำหนดเป้าหมายแบบระมัดระวัง และทำได้น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ที่มียอดขาย 4.85 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เติบโต 25% เพราะปีนี้มีความไม่แน่นอนทางการเมือง ดอกเบี้ยมีทิศทางปรับขึ้น และมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เกี่ยวกับการควบคุมการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์จะเริ่มมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 หมื่นล้านบาท และ 6.5 หมื่นล้านบาทในปี 2564 จากปัจจัยต่างๆเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น
สำหรับยอดขายในปีนี้ มาจากการทยอยรับรู้รายได้ 1.5 หมื่นล้านบาทจากยอดขายรอโอนหรือ Backlog ที่มีกว่า 6.35 หมื่นล้านบาท และการเปิดโครงการใหม่ 28 โครงการ มูลค่ากว่า 4.66 หมื่นล้านบาท วางกลยุทธ์สร้างบ้านปลอดฝุ่น และคอนโดมิเนียมสำหรับคนรักสุขภาพ รับกระแสผู้บริโภคที่สนใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
“ปีนี้เราจะเปิดโครงการใหม่ น้อยกว่าปีที่ผ่านมา และเป็นคอนโดมิเนียมเพียง 12 โครงการ มีผลต่อการซื้อของลูกค้าต่างชาติ คาดเหลือเพียง 9,000 ล้านบาท จากปีก่อนขายได้สูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 51% หรือเติบโตกว่า 5 ปีก่อนถึง 10 เท่า ซึ่งบริษัทรักษาอันดับหนึ่งยอดขายต่างชาติมาต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพราะสินค้าของเราได้รับการตอบรับที่ดี ในปีนี้เราเน้นเปิดตัวโครงการระดับกลางและราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนรวม 96% ของมูลค่าการเปิดตัวโครงการทั้งหมด เพื่อกระจายความเสี่ยง และเป็นตลาดที่จะเติบโตได้ โดยตั้งงบซื้อที่ดินที่ 5,000 ล้านบาท “นายวันจักร์ กล่าว
ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ SIRI กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะพัฒนาสินค้า ภายใต้วิสัยทัศน์ For Greater Well-being เป็นการตอบรับกระแสผู้บริโภคที่สนใจด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จะทำโครงการ Wellness Residence คอนโดมิเนียมสำหรับคนรักสุขภาพแห่งแรกของไทย บริเวณกรุงเทพกรีฑา ร่วมกับโตคิว คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และโรงพยาบาลสมิติเวช คาดว่าจะเปิดโครงการได้ในไตรมาส 2 และยังมีโครงการบ้านปลอดฝุ่น หรือ Dust-free House ครั้งแรกของไทย
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะสร้างอาคารพาณิชย์ ที่เยาวราช เตรียมที่ดินรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าไตรมาส 2 จะเปิดโครงการได้เช่นกัน
นายอุทัย กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศมากขึ้น เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ได้เปิด SIRI House ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นรีเทลช็อป มีห้องตัวอย่างให้ลูกค้าเยี่ยมชม มีห้องอาหาร และในเดือน มี.ค.ก็จะมีการเปิดในกรุงเทพด้วย
สำหรับลูกค้าต่างประเทศ นายอุทัย ได้ขยายฐานไปยังประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม และยังรักษาฐานลูกค้าเดิมในประเทศจีน ฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2561 ที่ผ่านมามีลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนคอนโดมิเนียมที่จะเปิดในปีนี้ 12 โครงการ บริษัทดำเนินการเอง 9 โครงการ ส่วนอีก 3 โครงการเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตร คือ BTS จำนวน 2 โครงการ และโตคิว คอร์ปอเรชั่น 1 โครงการ
ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ SIRI กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโต แต่อาจจะชะลอตัวบ้างในส่วนของการซื้อเพื่อการลงทุนของลูกค้าคนไทย เพราะมาตรการของ ธปท. แต่เชื่อว่าการซื้อเพื่ออยู่เองจะยังคงเติบโตในระดับเดียวกับปีก่อน และเชื่อมั่นว่ายอดโอนโครงการของ SIRI ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้า เพราะมียอดขายที่รอการรับรู้รายได้ในระดับสูงจากลูกค้าที่มีกำลังซื้อจริง โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีน และต่างชาติที่วางเงินดาวน์ในระดับ 25%
ส่วนมาตรการของ ธปท. ส่งผลกระทบไม่มาก บริษัทได้ปรับเงินดาวน์ให้มาอยู่ในระดับ 20% แล้ว และพาลูกค้ามาหารือกับธนาคารก่อนจะซื้อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม บริษัทจัดโปรโมชั่น เร่งนำคอนโดมิเนียมออกมาขายก่อนที่มาตรการของธปท.จะมีผลบังคับใช้ในเดือน เม.ย.นี้ โดยในวันที่ 8-10 ก.พ.นี้ จะเปิดขายมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท คาดว่าในไตรมาสแรกขายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท