6 บริษัทกลุ่มปตท.ตั้งงบลงทุนในปีนี้รวมไม่ต่ำกว่า 4.5 แสนล้านบาท หนุนธุรกิจแข็งแกร่ง เติบโตในระยะยาว พร้อมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน-ความยั่งยืนในการพัฒนาประเทศ ผ่านโครงการ EEC ในช่วง 5 ปี กลุ่มปตท.จะใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 3-4 แสนล้านบาท
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. (PTT)นำทีมผู้บริหารในกลุ่มปตท.แถลงผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา และแผนการดำเนินงานในปี 2562 โดยนายชาญศิลป์ เปิดเผยว่า กลุ่มปตท.มีแผนการลงทุนในพื้นที่โครงการระเบียงพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 3-4 แสนล้านบาท โดยเฉพาะโครงการพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) พื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง ซึ่งจะเกิดขึ้นในปีนี้ และศึกษาขยายไปสู่ธุรกิจโลจิสติกส์คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีนี้
สำหรับการลงทุนของบริษัทปตท.ในปีนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.3 แสนล้านบาท เช่นการขยายคลังก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)แห่งที่ 1 เป็น 11.5 ล้านตันตันต่อปี และแห่งที่ 2 ขนาด 7.5 ล้านตันต่อปี เพื่อรองรับกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ลดลง ลงทุนท่อก๊าซเส้นที่ 5 สำหรับฝั่งตะวันตกกับตะวันออก คลังน้ำมันสำหรับภาคพื้นและอากาศยาน สร้างความมั่นคงทางพลังงาน ส่วนแผน 5 ปีจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 3.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ,โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งจะเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาในเดือนก.พ.นี้ เพราะยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ หรือจะร่วมลงทุนกับกลุ่มใด
PTTEP ตั้งงบลงทุนปีนี้ 6 หมื่นล. โตสม่ำเสมอ 5% ถึงปี 2573
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือปตท.สผ.( PTTEP) กล่าวว่า ปตท.สผ.ภายใต้มีวิสัยทัศน์ใหม่ “Energy Partner of Choice”ให้บริษัทเป็นตัวเลือกหลักในการเข้ามาทำงาน และร่วมธุรกิจมากกว่าที่จะเป็นคู่แข่งกัน โดยในปีนี้ตั้งงบลงทุน 6 หมื่นล้านบาท ทั้งในไทย และต่างประเทศ ประกอบด้วยพม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศในตะวันออกกลาง ได้แก่โอมาน และ สหรัฐอาหรับอามิเรตส์ (UAE) เพื่อให้เติบโตสม่ำเสมอเฉลี่ยปีละ 5% ถึงปี 2573 โดยในปี 2561 มีปริมาณการขายอยู่ที่ 3.18 บาร์เรลต่อวัน และพยายามปรับปริมาณสำรองน้ำมันจาก 5 ปีเป็น 7 ปี หรือจากจำนวน 670 ล้านบาร์เรล เพิ่มเป็น 900 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ยังมีโครงการในธุรกิจใหม่ๆ เกี่ยวกับธุรกิจด้านแก๊ส ทู เพาเวอร์ ในย่างกุ้งประเทศพม่า จะเป็นลักษณะส่งแก๊สไปยังโรงไฟฟ้า ซึ่งมีแผนที่จะร่วมบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ส่วนจะมีพันธมิตรรายใหม่หรือไม่นั้น ก็เปิดกว้างแต่จะเลือกบริษัทในกลุ่มปตท.ก่อนเป็นลำดับแรก และ ปีนี้บริษัทได้ตั้งบริษัททำธุรกิจโรโบติกส์ เพื่อเป็นแกนหลักในกลุ่มในปลายเดือนนี้ ตั้งเป้าจะมีจุดคุ้มทุนใน 3 ปี
“เรามีฐานะการเงินค่อนข้างดี จะโฟกัสการลงทุนในภูมิภาค ไม่ไปทั่วเหมือนที่ผ่านมา การขยายกำลังการผลิต จะต้องควบคุมค่าใช้จ่ายอยู่ระดับเดิม รวมถึงการหาโครงการใหม่ๆ ในการต่อยอด มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืน”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP กล่าว
TOP เน้นเพิ่มคุณภาพ เติบโตระยะยาว
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ (TOP) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้างบลงทุนปีนี้ที่ 4 หมื่นล้านบาทและปีหน้าอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท นับจากนี้ไปอีก 4 ปีข้างหน้า(2562-2565)จะใช้เงินลงทุน 5,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 90% อยู่ในโครงการพลังงานสะอาด (CFP)ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เทียบระดับโลกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถรองรับการปรับคุณภาพน้ำมันได้ตามมาตรฐาน EURO V รวมทั้งเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันดิบจาก 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน คาดพร้อมดำเนินการในปี 2566
นอกจากนี้บริษัทจะหันไปผลิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอากาศยานมากขึ้น พร้อมปรับกระบวนการซ่อมบำรุง ทำให้การประเมินผลกระทบได้แม่นยำมากขึ้น โดยในปีนี้มีแผนปิดซ่อมโรงกลั่นในเดือนพ.ค.-มิ.ย. ส่วนยอดขายจะเป็นเท่าไร ตัวแปรอยู่ที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2561 มียอดขาย 3.8 แสนล้านบาท ขายในประเทศถึง 85%บริษัทส่งออกไปจีนและอินโดจีน ส่วนกำไรได้ดีจากธุรกิจปิโตรเคมี ขณะที่กำไรจากธุรกิจโรงกลั่นลดสัดส่วนจาก 60% เหลือ 40% และธุรกิจไฟฟ้า 25%
IRPC เดินหน้าลงทุน เข้าเป้า Top Quartile ปิโตรฯปี 2563
นายนพดล ปิ่นสุภา ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) ในวันที่ 1 ก.พ. 2562 กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ชื่อ GDP เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้อยู่ระดับ Top Quartile ของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีในปี 2563 ภายใต้โครงการ Everest forever เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในทุกด้าน โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 3 หมื่นล้านบาท และแผน 5 ปีจะใช้เงินลงทุน 7 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการ MARS ผลิตพาราไซลีนและเบนซีน พร้อมมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ คาดว่าปีนี้น่าจะมีความคืบหน้า ขณะเดียวกันนำดิจิทัลมาใช้คาดการณ์ เกี่ยวกับอุปกรณ์ใดจะมีการซ่อมบำรุงจะรู้ล่วงหน้าทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
PTTGC ลั่นเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญปี 63
นายพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) กล่าวว่า การดำเนินงานในปี 2563 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หลังจากโครงการขนาดใหญ่เปิดดำเนินในเชิงพาณิชย์ เช่น โครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ มูลค่าลงทุนประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้มีการทยอยลงทุน โครงการผลิตสารโพรพิลีน ออกไซด์ และ โครงการผลิตสารโพลีออลส์ มูลค่ารวมกันประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท
ส่วนในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 5 หมื่นล้านบาท เช่น การตั้งโรงงานรีไซเคิล ประมาณ 3 พันล้านบาท ร่วมลงทุนประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท
GPSC ปี62 ถึงเวลาเก็บเกี่ยวเงินลงทุน
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) กล่าวว่า ปีนี้จะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 1.4 แสนล้านบาท เพื่อใช้ซื้อหุ้นบริษัท โกลว์ พลังงาน (GLOW) ส่วนรายได้มาจากโรงไฟฟ้า ไซยะบุรี (XPCL) กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าน้ำลิก 1 กำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ ที่จะจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงผลิตสาธารณูปการระยองแห่งที่ 4 (CUP-4) กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง และการรับรู้รายได้จากการเพิ่งเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาดเล็ก 9 โครงการ กำลังผลิตรวม 39.5 เมกะวัตต์ และหากซื้อหุ้น GLOW สำเร็จ ก็จะรับรู้ได้ในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทได้ทำหนังสือขออนุมัติจากกกพ. เพื่อทำโรงไฟฟ้าจากขยะ
PTTOR นอนออยล์-ต่างประเทศโตขึ้นมาก
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) กล่าวว่า ในปีนี้ยังเดินหน้าเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีกลยุทธ์การดำเนินงาน เน้นรักษาฐานการเติบโตของธุรกิจน้ำมัน ขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน(นอนออยล์) และลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารายได้ธุรกิจนอนออยล์ มีสัดส่วนอยู่ที่ 12% ขณะที่ปีที่แล้วเพิ่มเป็น 18% ส่วนธุรกิจการลงทุนต่างประเทศ เพิ่มสัดส่วนจาก 5% เป็น 6% สำหรับธุรกิจน้ำมันแม้สัดส่วนจะลดลง แต่ก็ยังมีการเติบโตที่ดี