น้ำมันดิบลดลง หลังนักลงทุนกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน WTI ลด 44 เซนต์ เบรน์สวนทางเพิ่มขึ้น 24 เซนต์
บริษัท ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวลดลง หลังนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันโลก หลังตัวแทนของทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจา ณ กรุงวอชิงตันในช่วงวันที่ 30 -31 ม.ค. 62 ทั้งนี้ หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันที่ 2 มี.ค. 62 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ก็พร้อมเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จากระดับร้อยละ 10ไปสู่ระดับร้อยละ 25
ราคาน้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันที่ 31 ม.ค. 62 ลดลง 0.44 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือ -0.82% อยู่ที่ 53.79 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.24 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือ 0.4% อยู่ที่ 61.89 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
ด้าน Reuters สำรวจปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน ม.ค. 62 พบว่าปรับตัวลดลง 890,000 บาร์เรลต่อวัน ลงไปแตะระดับ 30.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. 60 โดยเป็นผลมาจากการปรับลดกำลังการผลิตจากซาอุดิอาระเบีย คูเวต สหรัฐฯ อาหรับเอมิเรตส์ ลิเบีย อิหร่าน และเวเนซุเอลา
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการชะลอการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ทำให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปยังทรัพย์สินเสี่ยงมากขึ้นนอกจากนี้ การคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบเวเนซุเอลาของสหรัฐฯ ยังส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาภาวะอุปทานตึงตัว หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา ในวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้เวเนซุเอลาไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบไปยังสหรัฐฯ ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาไปยังสหรัฐฯ ราว 500,000 บาร์เรลต่อวัน อาจต้องส่งออกไปยังประเทศอื่นแทน เช่น จีน อินเดีย เป็นต้น ในขณะที่ สหรัฐฯ จำเป็นต้องหาแหล่งผลิตน้ำมันดิบอื่นมาทดแทนปริมาณที่หายไปจากการนำเข้าน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา
ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น หลังความต้องการใช้น้ำมันดิบในสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับ กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง