โบรกฯ มองออกมาตรการคุมราคายาและบริการเวชภัณฑ์ยังต้องใช้เวลา “ทิสโก้” มีมุมมองต่อกลุ่มรพ. ระมัดระวัง CNS ส่อปรับลดน้ำหนักลงทุนกลุ่มรพ. จาก BULLISH เป็น NEUTRAL เชื่อตลาดจะมองผลดำเนินงาน CNS คาดกำไรกลุ่มรพ.ปีนี้โต 15% ชู BCH หุ้นเด่น “ฟินันเซีย ไซรัส” มองราคาสะท้อนข่าวลบ แนะซื้อ BDMS-BCH
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ มองครม.ตกลงให้อนุกรรมการในการทบทวนการควบคุมราคาเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม ซึ่งจะเน้นไปที่การพัฒนา และมีราคายาที่เป็นธรรมขึ้น แต่ยังไม่มีกำหนดการณ์ว่าราคายาจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ และต้องใช้เวลานานแค่ไหน ทำให้ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อกลุ่มจนกว่าจะมีข้อสรุป
สำหรับราคายาและบริการทางการแพทย์คิดเป็นสัดส่วน 60% ของรายได้ โดยที่เป็นค่ายา 30% และที่เหลือเป็นค่าบริการทางการแพทย์ และอื่นๆ โดยหากว่าผู้ป่วยในประเทศมีราคาที่ลดลง แต่ผู้ป่วยต่างประเทศมีราคาเพิ่มขึ้นจะทำให้ BH ได้ประโยชน์กว่า BDMS เนื่องจาก BH มีสัดส่วนผู้ป่วยนอกกว่า 70% และ BDMS ที่ 26% แนะนำให้ “ถือ” BH (มูลค่าที่เหมาะสม 206 บาท (EV/EBITDA ที่ 22 เท่าสำหรับปี 2018F) และ BDMS (มูลค่าที่เหมาะสม 22.80 บาท อ้างอิง EV/EBITDA ที่ 24 เท่าสำหรับปี 2018F)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า มติครม.ไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่ที่น่าสนใจคือคำให้สัมภาษณ์ของรมว.พาณิชย์ที่ค่อนข้างผ่อนคลายและอาจไม่ได้กระทบเชิงลบมากอย่างที่ตลาดกังวลกลายเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่ม โดยลำดับถัดไปต้องรอข้อสรุปของคณะอนุกรรมการว่ามาตรการควบคุมจะมีรูปแบบอย่างไร เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของกลุ่มจากความต้องการทางการแพทย์ที่ยังโตสูง
“ยังคงน้ำหนักการลงทุน Neutral โดยดัชนี SETHELTH ปรับตัวลงราว 10% ตั้งแต่เริ่มมีประเด็นดังกล่าวซึ่งสะท้อนปัจจัยลบไปมากพอสมควร จึงยังมองเป็นโอกาส ซื้อลงทุน โดยเลือก Top Pick เป็น BDMS และ BCH”บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุ
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน (CNS)มีแนวโน้มปรับน้ำหนักการลงทุนกลุ่มรพ. เป็น NEUTRAL จาก BULLISH หลังมติครม.ออกมา มองว่าเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มรายได้และมาร์จิ้นของรพ. โดยเฉพาะกลุ่มเงินสด หากมีมาตรการควบคุมราคาออกมาในอนาคต ทำให้ราคาหุ้นรพ.มีโอกาสเหวี่ยงตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น โดยยังเลือก BCH เป็นหุ้นเด่น ราคาเป้าหมาย 19.20 บาท
อย่างไรก็ตามแต่เชื่อว่าการออกมาตรการควบคุมค่าบริการทางการแพทย์ต้องใช้เวลา ซึ่งตลาดจะกลับมาให้ความสำคัญกับผลกาดำเนินงานของรพ. โดยปี 2562 คาดกำไรรวมเติบโต 15% เติบโตดีต่อเนื่องตามรายได้และอัตรากำไรดีขึ้น
ด้านราคาหุ้นกลุ่มรพ.ที่ฝ่ายวิจัยศึกษาส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นกว่าตลาดซึ่งดีกว่าที่ประเมินไว้เมื่อวานนี้ เกิดจากนักลงทุนคลายกังวลหลังจากนายกรัฐมนตรีระบุว่า ครม.ไม่ได้เป็นการควบคุมราคาค่าบริการของรพ.เอกชนและไม่ได้แทรกแซงกำหนดค่ารักษา แต่จะมีคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องเป็นผู้กำหนดมาตรการดูแลให้เหมาะสม
อ่านประกอบ