“ไทยออยล์” ไฟเขียวขายหน่วยผลิตไฟฟ้า โครงการพลังงานสะอาดมูลค่าไม่เกิน 2.4 หมื่นล้านบาท ให้ GPSC คาดเข้าทำรายการไตรมาส 2/62 หวังลดภาระเงินลงทุน เพิ่มสภาพคล่องและรองรับลงทุนเพิ่มในอนาคต ด้าน GPSC ชี้สร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจในการผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคที่ใช้เชื้อเพลิงแตกต่างไปจากเดิม
บริษัท ไทยออยล์ (TOP) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2562 มีมติอนุมัติการขายทรัพย์สินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ในหน่วยผลิตไฟฟ้า (Energy Recovery Unit : ERU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) มูลค่ารวมไม่เกิน 757.02 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 24,113.13 ล้านบาท และการเข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการขายทรัพย์สินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ใน Energy Recovery Unit และการเข้าทำสัญญาเกี่ยวข้องดังกล่าว (โครงการ ERU) กับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) หรือบริษัทย่อย GPSC ซึ่งถือหุ้น 100% ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท. (PTT) และบริษัทร่วมของบริษัทฯ โดยมีมูลค่าประมาณ 12,264.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 390,671.68 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเข้าทำรายการในไตรมาส 2 ปี 2562
นอกเหนือจากสัญญาซื้อขายทรัพย์สิน จะทำสัญญาจัดหาเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค มูลค่าประมณ 3,716.17 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ 118,,370.05 ล้านบาท สัญญาซื้อขายไฟฟ้มูลค่าประมาณ 6,813.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 217,017.22 ล้านบาท สัญญาดำเนินการและบำรุงรักษาและสัญญาเช่าช่วงที่ดินมูลค่า 965.53 ล้านเหรียญสหัฐฯ หรือ 30,754.74 ล้านบาท ( สัญญาที่เกี่ยวข้อง) ตลอดจนสัญญาการรับโอนสิทธิและหน้าที่และสัญญาอื่นใดที่จำเป็นและเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การขายทรัพย์สินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ใน ERU ดังกล่าวอยู่ภายใต้เงื่อนไขบังคับก่อนหลายประกาณ รวมถึงการที่บริษัทฯ และ GPSC ต้องได้รับอนุมัติการเข้าทำรายการดังกล่าวจากที่ประชุมผูถือหุ้นแต่ละฝ่าย โดยบริษัทฯ แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้ความเห็นชอบเป็นที่ปรึกษาการเงินอิสระ ให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงการ ERU แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยบริษัทฯ จะนำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 เพื่อพิจารณาอนุมัติ
การขายหน่วยผลิตไฟ้าดังกล่าว เพื่อลดภาระเงินลงทุนโครงการ CFP เพิ่มสภาพคล่องและรองรับการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนโครงการ CFP สูงขึ้น ในขณะที่บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการและควบคุมดูแลคุณภาพในการดำเนินโครงการ CFP และหน่วย ERU ทั้งในช่วงการก่อสร้างและการเดินเครื่องจักร ในด้านความปลอดภัย ความมั่นคงในการดำเนินการผลิต การดำเนินการเกี่ยวกับการกำหนดสภาวะการเดินเครื่องหน่วย ERU เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้เช่นเดิม
ด้านบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2562 อนุมัติให้บริษัท หรือบริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ของบริษัท เข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว โดยเข้าซื้อหน่วยผลิตไฟฟ้า (ERU) ของบริษัท ไทยออยล์ (TOP) เพื่อรับโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการ ERU จากไทยออยล์ มูลค่าเทียบเท่าทั้งสิ้นไม่เกิน 757 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 24,113 ล้านบาท เมื่อโครงการ ERU ก่อสร้างแล้วเสร็จ และได้รับหนังสือรับรองผลงาน (Provisional Acceptance Certificate : PAC) ภายใต้โครงการ CFP เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทคาดว่าการดำเนินการก่อสร้างโครงการ ERU จะแล้วเสร็จ และได้รับ PAC ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2566
บริษัทหรือบริษัทย่อยจะเข้าลงนามในสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ERU ภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ภายในเดือนเม.ย.2562
โครงการ ERU เป็นหน่วยสนับสนุนสาธารณูปโภคของโครงการ CFP ของไทยออยล์ โดยโครงการ ERU เป็นหน่วยผลิตไฟฟ้าและไอน้ำเพื่อป้อนให้กับกระบวนการผลิตของโครงการ CFP ซึ่งโครงการ ERU ใช้เชื้อเพลิงหลักคือ กากน้ำมัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการกลั่นของโครงการ CFP โดยโครงการ ERU มีกำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ติดตั้งประมาณ 250 เมกะวัตต์ (MW) และ 175 ตันต่อชั่วโมง ตามลำดับ
วัตถุประสงค์ของการเข้าลงทุนในครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญในการขยายการลงทุนตามแผนวทางกลยุทธ์เติบโตพร้อมกับกลุ่มปตท. ซึ่งจะเป็นสร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจในการผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคที่ใช้เชื้อเพลิงแตกต่างไปจากเดิม รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานในอนาคต
สำหรับแหล่งเงินลงทุนในโครงการ ERU บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในของบริษัท และหรือ จะจัดหาแหล่งเงินทุนต่าง ๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม เช่น การจัดหาเงินกู้จากสถาบันการเงิน