คอยน์ แอสเซทออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ยืนยัน 3 ระบบสำคัญปลอดภัย CFO คนใหม่มีคุณภาพ ประสบการณ์เพียบทั้งไทยและต่างประเทศ ทางออกบริษัทแจ้งลูกค้า เร่งโอนทรัพย์สินคืน หรือโอนไปยังผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลรายอื่น มีเวลาถึง 21 ม.ค. หารือก.ล.ต.เพื่อขอยื่นขอรอบสอง คาดใช้เวลาพิจารณาอนุมัติมากกว่า 4 เดือน
บริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด (Coin Asset) ออกแถลงการณ์ชี้แจงลูกค้าและประชาชน กรณีกระทรวงการคลังปฎิเสธการให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีกรรมการที่รับผิดชอบระบบสำคัญได้ลาออก 3 คน จากทั้งหมด 4 คน เป็นเหตุให้ระบบงานสำคัญของบริษัทยังไม่มีความพร้อมตามมาตรฐานที่ก.ล.ต.ยอมรับ โดยบริษัทยืนยันว่า ระบบการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าในระบบ มีความปลอดภัยตามที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ระบบการทำความรู้จักตัวตนของลูกค้า หรือ KYC (Know Your Customer) ของบริษัท ก็มีการตรวจสอบข้อมูลไปยังธนาคารในประเทศไทย
ส่วนการปราบปรามการฟอกเงิน ทางบริษัทก็มีการเฝ้าระวังการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ หากพบธุรกรรมที่มีความผิดปกติก็จะมีการขอคำชี้แจงจากลูกค้าและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนผู้บริหารในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน หรือ CFO ซึ่งมีภาระรับผิดชอบในส่วนงานดังกล่าว ทำให้มีผลต่อการพิจารณาให้ใบอนุญาต ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากความบกพร่องของระบบแต่อย่างใด นอกจากนี้ CFO คนใหม่ เป็นบุคลากรที่ได้รับการคัดสรรแล้วว่ามีคุณภาพและมีศักยภาพสูงเพียงพอ โดยมีประสบการณ์ในด้านการเงินและการลงทุนมาแล้ว ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในส่วนงานดิจิทัลแบงก์กิ้งของธนาคารอันดับต้นของเมืองไทย
บริษัท คอยน์ แอสเซท ขอน้อมรับคำปฏิเสธดังกล่าว อย่างเช่นที่เคยปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องโดยเคร่งครัด ซึ่ง คอยน์ แอสเซท มีแนวทางปฏิบัติดังนี้
1.บริษัทแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าทราบ เพื่อการโอนทรัพย์สินของตนเองคืนหรือโอนไปยังผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลรายอื่นตามความประสงค์ของลูกค้า ตามที่กระทรวงการคลังอนุญาตให้บริษัทยังสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้จนถึงวันที่ 21 ม.ค. 2562 และแจ้งผลการดำเนินงานให้ ก.ล.ต. ทราบด้วย
2. คอยน์ แอสเซท จะเข้าหารือกับ ก.ล.ต. อีกครั้งในวันศุกร์ที่ 18 ม.ค. 2562 เพื่อกำหนดแนวทางในการเข้ายื่นขอใบอนุญาตรอบที่สอง ซึ่ง ก.ล.ต. เคยให้ข้อมูลว่าอาจต้องใช้เวลาพิจารณายาวนานถึง 4 เดือน ทั้งนี้ภายในบริษัทคาดการณ์ว่าอาจใช้เวลาเนิ่นนานกว่า เนื่องจากประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ยังคงต้องแบกรับต้นทุนด้วยตัวเอง การหารือในครั้งนี้จึงมีขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจน และกรอบเวลาที่กระชับขึ้น โดยท้ายที่สุดแล้วจะต้องส่งผลกระทบต่อลูกค้าให้น้อยที่สุด
นายศิวนัส ยามดี ผู้ก่อตั้งคอยน์ แอสเซท กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะถูกปฏิเสธใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในครั้งนี้ บริษัทฯ ก็ยังคงมุ่งหน้าที่จะขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ เป็นผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล และเตรียมความพร้อมในระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตใหม่อีกครั้งหนึ่ง ขอให้นักลงทุนทุกคนที่ทำการซื้อ ขายบนกระดานของคอยน์ แอสเซท วางใจและรอฟังข่าวความคืบหน้าต่อไป
ปัจจุบัน คอยน์ แอสเซท จดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท มีพนักงานและผู้บริหารรวมกว่า 50 คน และดำเนินธุรกิจมา 1 ปี มีการใช้งบประมาณไปแล้วเกือบ 50 ล้านบาท เป็นหนึ่งในไม่กี่กระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนสัญชาติไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ด้วยการถูกจัดอันดับอยู่บน Blockfolio และ CoinGecko ซึ่งเป็นศูนย์กลางการจัดอันดับในแวดวงคริปโตเคอเรนซีจากทั่วโลก บริษัทไม่หยุดความตั้งใจที่จะเป็นกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นฐานของการให้ความเคารพต่อกฎหมาย อันเป็นหลักสำคัญในการอยู่ร่วมกันของสังคม