หุ้นจ่อ 1,600 จุด เก็งทุนไหลเข้าเอเชีย “ภากร” คาดปีนี้ผันผวนน้อยลง

เฟดสั่งลุยสินทรัพย์เสี่ยง หุ้นโลกพุ่งแรง ราคาน้ำมันขยับ ดันตลาดหุ้นไทยวิ่งกว่า 20 จุด คาดเงินไหลกลับเอเชีย หลังจากไหลออกกว่า 1.1 ล้านล้านบาทในปีก่อน นักลงทุนเลือกช้อปกลุ่มน้ำมัน แบงก์ ตัวใหญ่ที่ราคาลงไปลึก ฝีมือสถาบันไทยเก็บ 5 พันล้านบาท ต่างชาติทำกำไรหุ้น-ซื้อฟิวเจอร์ส ‘ภากร’ แนะจับตา ปัจจัยสงครามการค้า-ราคาน้ำมัน


วันที่ 7 ม.ค. 2562 ตลาดหุ้นเอเชียแรงยกแผงตามคาด นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีนิกเกอิ พุ่ง 2.44% ไทยปรับขึ้นมากกว่า 21 จุดระหว่างวัน ก่อนปิดที่ 1,592.72 จุด คิดเป็น 1.12 % บวกมากกว่าหลายตลาดเช่น ฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง เพิ่มขึ้น 0.82% ซึ่งเป็นไปตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ทะยานขึ้นกว่า 3% ที่มีสัญญาณจาก เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผ่อนคลายนโยบายการเงิน ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนน่าจะออกมาดี ทำให้นักลงทุนหวังว่าเงินทุนจะไหลออกจากสหรัฐเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมถึงไทย ทั้งนี้ในปี 2561 นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นทั่วเอเชีย ยกเว้นเวียดนาม รวมทั้งสิ้น 34,150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นแรงมาจากการซื้อของสถาบันไทยเจ้าเดียว 5,098 ล้านบาท ส่วนต่างชาติขายสุทธิ 1,068 ล้านบาท และซื้อฟิวเจอร์ รายย่อยทำกำไรหุ้นกว่า 3,756 ล้านบาท ส่วนเงินบาทแข็งค่า ต่ำกว่า 32 บาท หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง

มาร์เก็ตติง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยโชว์ฟอร์มสวยตั้งแต่ต้นปี ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงซื้อหุ้นกลับของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะกองทุนที่ขายหุ้นออกไปมากเมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อมีปัจจัยบวกเข้ามา ก็ต้องรีบกลับเข้าไปซื้อหุ้นคืน และเน้นหุ้นตัวใหญ่ที่ราคาปรับตัวลงมาไปมาก อาทิ กลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงไปเร็วและแรงมากในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา รวมถึงกลุ่มธนาคาร และค้าปลีกหลายตัว คาดว่าแรงซื้อยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยังมีเงินสดในมือจำนวนมาก

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่า ภาวะการซื้อขายหุ้นในปี 2562 จะมีความผันผวนน้อยกว่าปีก่อน เพราะปัจจัยเกี่ยวกับสงครามการค้าและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ตลาดรับรู้ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องสงครามการค้า และราคาน้ำมัน ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในปีนี้ และยังทำให้ตลาดมีความผันผวนต่อ

กรรมการและผู้จัดการ กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติ ยังเชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทย แม้ในปีก่อนจะขายหุ้นออกไป แต่ก็หันไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวแทน เพราะมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของไทยยังมีความแข็งแกร่ง ค่าเงินก็ไม่ได้อ่อนตัว รวมถึงมีความชัดเจนในการจัดการเลือกตั้งมากขึ้น

“fund flow ที่ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ระยะยาว แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของเรายังแข็งแกร่ง ค่าเงินไม่อ่อนตัว ส่วนที่ต่างชาติขายหุ้นนั้น ไม่ใช่เฉพาะตลาดหุ้นไทยเท่านั้น แต่เป็นการขายหุ้นทั้งตลาดหุ้นภูมิภาค”นายภากรกล่าว

ในปี 2561 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยทั้งสิ้น 287,696 ล้านบาท แรงขายมากที่สุดเกิดขึ้นในไตรมาส 2 ประมาณ 122,722 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนธ.ค. 2561 อยู่ที่ 3.35% สูงเป็นอันดับที่ 5 เป็นรองจากตลาดหุ้นไต้หวัน 4.73% สิงคโปร์ 4.37% ฮ่องกง 3.88% มาเลเซีย 3.37% ทั้งนี้ผลตอบแทนปันผลของไทยเพิ่มขึ้นจาก 3.18% ในเดือนพ.ย.2561 และ 2.81% สิ้นเดือนธ.ค.2560

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. กล่าวว่า การซื้อขายในตลาดอนุพันธ์หรือ TFEX มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นักลงทุนรายย่อยมองว่าใช้เงินลงทุนไม่มาก และเป็นบริหารความเสี่ยงทั้งขาขึ้น และขาลงได้ ขณะที่ในปี 2561 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 426,213 สัญญา เพิ่มขึ้น 31.5% จากปีก่อน

ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ บริษัทไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสจะเคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่ 55-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ทางด้านราคาทองคำ หลังจากปรับขึ้นไปชนแนวต้านที่ระดับ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ก็มีแรงขายทำกำไรออกมาทำให้ราคายืนอยู่ไม่ได้ อย่างไรก็ตามทองคำยังมีปัจจัยหนุนจากการที่เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้เหลือเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น