ดาวโจนส์ปิดลบ 249 จุด ขายหุ้นเทคโนโลยี

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักร่วง ดาวโจนส์ปิดลบ 249 จุด นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงสิ้นปี ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ดีดขึ้นกว่า 2% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 29ธันวาคม 2568 รวมทั้ง ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงสิ้นปี ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 48,461.93 จุด ลดลง 249.04 จุด, -0.51%

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,905.74 จุด ลดลง 24.20 จุด, -0.35%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,474.35 จุด ลดลง 118.75 จุด, -0.50%

ตลาดเริ่มต้นการซื้อขายสามวันสุดท้ายของปี 2025 ด้วยการร่วงลงของหุ้นเทคโนโลยี โดยหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) เผชิญแรงกดดันเล็กน้อยในระหว่างการซื้อขาย หุ้น Nvidia ลดลง กว่า 1% หักล้างการปรับขึ้นที่มากกว่า 5% บางส่วนในสัปดาห์ที่แล้ว หุ้น Palantir Technologies ลดลง 2.4% หุ้น Oracle ลดลง 1.3%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดหวัง Santa Claus Rally หรือการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นช่วงคริสต์มาส ในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคม และ 2 วันทำการแรกของเดือนมกราคม

แม้การซื้อขายปี 2025 จะผันผวนอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าทั้งสามดัชนีหลักจะปิดฉากปี ด้วยการปรับขึ้นที่แข็งแกร่ง ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 17% และดัชนี Dow Jones ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบลูชิปก็เพิ่มขึ้นกว่า 14% ส่วนดัชนี Nasdaq ที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีเป็นผู้นำในการเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นกว่า 21% แล้ว แม้ว่าจะเข้าสู่ตลาดหมีในช่วงสั้นๆ ในเดือนเมษายนหลังจากการประกาศใช้มาตรการภาษีครั้งใหญ่ที่สุดของประธานาธิบดีทรัมป์ก็ตาม

คริส ลาร์กิน หัวหน้าฝ่ายซื้อขายและการลงทุนของ E-Trade จาก Morgan Stanley กล่าวว่า ตารางการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ค่อนข้างเบาบาง แรงขับเคลื่อนภายในอาจเป็นเรื่องหลักของตลาดเองในสัปดาห์นี้ และหากหุ้นจะปิดท้ายปีด้วยเลขสองหลักอย่างสวยงาม อาจต้องพึ่งพาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก

ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงาน คือดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)เดือนพฤศจิกายน จาก สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงซื้อบ้านกำลังเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่เป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีเพิ่มขึ้น 2.6%

แต่ข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนจับตา คือการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อต้นเดือนนี้ ที่กำหนดเผยแพร่ในวันอังคาร

รายงานการประชุมอาจให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาสัญญานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟดในเดือนมกราคม เนื่องจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในธนาคารกลางในปี 2025 มีแนวโน้มที่จะต่อเนื่องในปีใหม่ ประมาณ 80% ของการคาดการณ์ระบุว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบันในเดือนหน้า แม้ว่านักลงทุนจะมีความเห็นแตกแยกกันมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่คณะกรรมการจะดำเนินการในเดือนมีนาคม

ด้านการซื้อขายโลหะมีค่าผันผวนหลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยโลหะเงิน ร่วงลงมากถึง 7% หลังจากที่พุ่งขึ้นเหนือ 80 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ ลดลงกว่า 3%

ตลาดยุโรปปิดบวกและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานเป็นผู้นำ หลังจากกลับมาซื้อขายหลังปิดทำการวันหยุดคริสต์มาสและวันบ็อกซิ่งเดย์

ดัชนี STOXX 600 กำลังจะปิดปีด้วยการปรับขึ้นรายปีที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021 โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ความมุ่งมั่นในการใช้จ่ายภาครัฐของเยอรมนี และนักลงทุนที่กระจายพอร์ตการลงทุนออกจากหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่มีราคาสูง

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 589.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.55 จุด, +0.09% อ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 589.61 ในช่วงต้นของการซื้อขาย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,866.53 จุด ลดลง 4.15 จุด, -0.04%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,112.02 จุด เพิ่มขึ้น 8.44 จุด, +0.10%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,351.12 จุด เพิ่มขึ้น 11.06 จุด, +0.05%

บริษัทในกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวขึ้น 1.1% ตามความแข็งแกร่งของราคาสินค้าโลหะมีค่า

กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเฮลท์แคร์ก็มีส่วนหนุนตลาดโดยรวมเช่นกัน

กลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอวกาศกลับลดลง 1.3% หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า เขาและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ใกล้จะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงครามในยูเครนแล้ว ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าแนวทางต่อภูมิภาคดอนบาสยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

หุ้น Leonardo ลดลงl 4.7% หุ้น Rheinmetall และ Hensoldt ต่างลดลง 2.9%

หุ้นกลุ่มสินค้าและบริการอุตสาหกรรมก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยลดลง 0.5%

ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในตลาด โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 65% ในปี 2025 นักวิเคราะห์ระบุว่ากิจกรรมการควบรวมและซื้อกิจการที่เพิ่มขึ้น สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ผ่อนคลายมากขึ้น และสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างคงที่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการเติบโต

ในสัปดาห์นี้ซึ่งมีวันซื้อขายที่สั้นลง นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคาร ธนาคารกลางสหรัฐได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปเมื่อต้นเดือนนี้ และคาดการณ์ว่าจะลดอีกเพียงครั้งเดียวในปีหน้า ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าอาจมีการลดอีกอย่างน้อยสองครั้ง และคาดว่าประธานเฟดคนต่อไปจะเอนเอียงไปทางนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 58.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 61.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล