HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 288 จุด ดัชนี S&P500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ รับ ‘Santa Claus Rally’ ท่ามกลางการซื้อขายเบาบาง นักลงทุนประเมินข้อมูลด้านแรงงานและแนวโน้มของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ”ลดลงเล็กน้อย ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดทรงตัว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 24 ธันวาคม 2568 รวมทั้งดัชนี S&P500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ จากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นช่วงเทศกาลคริสต์มาส หรือ ‘Santa Claus Rally’ ที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลด้านแรงงานและแนวโน้มของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 48,731.16 จุด เพิ่มขึ้น 288.75 จุด, +0.60%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,932.05 จุด เพิ่มขึ้น 22.26 จุด, +0.32%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,613.31 จุด เพิ่มขึ้น 51.46 จุด, +0.22%
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเปิดทำการครึ่งวัน ในวันคริสต์มาสอีฟ และจะปิดทำการทั้งวัน ในวันพฤหัสบดีเนื่องในวันคริสต์มาส
ความคาดหวังของนักลงทุนต่อ การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นช่วงเทศกาลคริสต์มาส หรือ “Santa Claus” rally ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคมและ 2 วันทำการแรกของเดือนมกราคม ดูเหมือนจะมากขึ้นหลังจากดัชนีหลักๆ ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 แล้ว
การซื้อขายค่อนข้างเบาบางก่อนช่วงคริสต์มาส โดยปริมาณการซื้อขายลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ดัชนีเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถาบันบางแห่งเชื่อว่า หากไม่มีข่าวร้ายใดๆ เกิดขึ้นในระยะสั้น ดัชนี S&P 500 ยังคงมีศักยภาพที่จะแตะระดับ 7,000 จุดภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเริ่มต้นปี 2026
นักลงทุนได้รับสัญญาณเพิ่มเติมว่าเศรษฐกิจกำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ธันวาคม ลดลงเหลือ 214,000 ราย ซึ่งลดลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จากการนักลงทุนประเมินข้อมูลตลาด แรงงาน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 4.16% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี อยู่ที่ประมาณ 3.52%
ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะลดอัตราดอกเบี้ยลงประมาณสองครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่บางส่วน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง และกล่าวว่าจะเลือกประธานเฟดคนใหม่ในเร็วๆ นี้ นักลงทุนยังติดตามการถกเถียงว่าเฟดควรทบทวนเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2% อีกครั้งหรือไม่ เมื่ออัตราเงินเฟ้อมีเสถียรภาพแล้ว
ในส่วนของหุ้นรายตัวนั้น Nike เป็นหนึ่งในหุ้นที่โดดเด่นที่สุดของวัย โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้น 4.6% หลังจากที่ Tim Cook ซีอีโอของ Apple เปิดเผยว่าเขาได้ซื้อหุ้น Nike ซึ่งดึงดูดความสนใจจากตลาดเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ Micron Technology และ Citigroup ก็ปรับขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 3.8% และ 1.8% ตามลำดับ และทำราคาสูงสุดระหว่างวันใหม่ด้วย
หุ้น Intel ลดลงประมาณ 1.6% หลังจากมีรายงานว่า NVIDIA ได้ระงับการทดสอบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตชิปขั้นสูงของ Intel ชั่วคราว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัว ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีแนวโน้มที่จะทำผลงานประจำปีที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021 ด้วยแรงหนุนจากการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ย การผลักดันการใช้จ่ายภาครัฐของเยอรมนี และการกระจายความเสี่ยงจากหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสูงเกินไป
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 588.70 จุด ลดลง 0.03 จุด, -0.01%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,870.68 จุด ลดลง 18.54 จุด, -0.19%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,103.58 จุด ลดลง 0.27 จุด, -0.00%
ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ
ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง โดยตลาดหุ้นในอัมสเตอร์ดัม บรัสเซลส์ และปารีสปิดทำการก่อนเวลาปกติ ขณะที่ตลาดในเยอรมนีและมิลานปิดทำการตลอดทั้งวัน
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยหุ้นยักษ์ใหญ่อย่าง Richemont เจ้าของ Cartier, LVMH และ Kering ต่างเพิ่มขึ้นประมาณ 1%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากราคาทองคำ เงิน แพลทินัม และทองแดง
แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มการบินและอวกาศและการป้องกันประเทศปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.2% ดัชนีกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในดัชนีที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 56%
ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร หลังจากที่บริษัทยายักษ์ใหญ่ Novo Nordisk ได้รับการอนุมัติจากสหรัฐฯ ให้จำหน่ายยาเม็ดลดน้ำหนัก
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่สาม
ตลาดคาดการณ์ว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐคนต่อไปจะเอนเอียงไปทางการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทำให้มุมมองนโยบายของสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเด็นสำคัญสำหรับนักลงทุนในปีหน้า ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของยุโรปดูจะเข้มงวดมากขึ้นในปี 2026 หลังจากธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะสิ้นสุดวงจรการผ่อนคลายทางการเงินและอาจแตกต่างจากเฟด
หุ้น BP บวกกว่า 1% ก่อนจะปิดตลาดลดลง 0.4% หลังจากตกลงขายหุ้น 65% ใน Castrol ให้กับบริษัทลงทุน Stonepeak ในราคาประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 58.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 62.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

