ดาวโจนส์ปิดลบ 31 จุด รอการตัดสินใจของเฟดสัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 31 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 , Nasdaq บวกเล็กน้อย นักลงทุนประเมินข้อมูลการจ้างงานใหม่ ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) สัปดาห์หน้า ด้าน ”ราคาน้ำมันดิบ“ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นนุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 4ธันวาคม 2568 ปิดที่ 47,850.94 จุด ลดลง 31.96 จุด หรือ -0.07% นักลงทุนประเมินข้อมูลการจ้างงานใหม่ ขณะที่เตรียมรับการตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในสัปดาห์หน้า

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,857.12 จุด เพิ่มขึ้น 7.40 จุด, +0.11%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,505.14 จุด เพิ่มขึ้น 51.04 จุด, +0.22%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย หลังจากพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.10% จาก 4.06% ในวันพุธ ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ครั้งต่อไปก็ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากมีรายงานบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย

รายงานชุดหนึ่งระบุว่า แรงงานสหรัฐฯ ยื่นขอสวัสดิการว่างงานน้อยลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี แต่รายงานอีกชุดหนึ่งระบุว่า จำนวนการเลิกจ้างที่ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งจากจำนวนที่เพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม จำนวนดังกล่าวยังคงสูงกว่าระดับเมื่อปีที่แล้ว ตามข้อมูลของ Challenger, Gray & Christmas บริษัทจัดหางานและฝึกอบรมผู้บริหาร

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 พฤศจิกายน ลดลงเหลือ 191,000 ราย จาก 218,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2022 ซึ่งมีผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน 189,000 ราย และยังต่ำกว่า221,000 ราย
ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในการสำรวจโดย FactSet ผู้ให้บริการข้อมูล

นักลงทุนให้ความสนใจกับรายงานจากบริษัทจัดหางาน Challenger, Gray & Christmas ซึ่งระบุว่าการประกาศลดตำแหน่งงานในเดือนพฤศจิกายนจากนายจ้างในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นกว่า 1 ล้านตำแหน่งในปีนี้ เนื่องจากการปรับโครงสร้างองค์กร ปัญญาประดิษฐ์ และภาษีศุลกากรช่วยลดจำนวนพนักงาน

แม้ว่าข้อมูลการเลิกจ้างที่ดีกว่าคาดจะถือเป็นข่าวดี แต่ก็อาจบ่งชี้ได้ว่าตลาดงานไม่ต้องการความช่วยเหลือจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมากนัก

เมื่อวันพุธที่ ADP บริษัทข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน คาดการณ์การยกเลิกตำแหน่งงาน เดือนพฤศจิกายน 32,000 ตำแหน่ง

สัญญาณที่เพิ่มมากขึ้นว่าตลาดแรงงานกำลังอ่อนตัวลง ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี เครื่องมือ FedWatch ของ CME ระบุว่า ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 87% ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในวันพุธหน้า ซึ่งสูงกว่าเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนมาก

อยางไรก็ตามนักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนกำลังรอดูการตีความข้อมูลเศรษฐกิจของเฟด เนื่องจากจะมีการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (PCE) ของผู้บริโภคซึ่งเป็นมาตรวัดที่ธนาคารเฟดให้ความสำคัญในวันศุกร์ ก่อนการประชุมของเฟด

หุ้น Salesforce เป็นหุ้นที่ปรับขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 4% หลังจากที่บริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ หุ้น Snowflake ร่วงลง 11.4% แม้ผลประกอบการและรายได้ในไตรมาสล่าสุดจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและผู้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากนักลงทุนยอมรับความเสี่ยงทั่วโลกมากขึ้นจากการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจกับข้อมูลอัปเดตของบริษัทต่างๆ

ดัชนี STOXX 600 ของยุโรป ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สาม

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 578.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.62 จุด หรือ +0.45%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,710.87 จุด เพิ่มขึ้น 18.80 จุด, +0.19%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,122.03 จุด เพิ่มขึ้น 34.61 จุด, +0.43%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,882.03 จุด เพิ่มขึ้น 188.32 จุด, +0.79%

หุ้นกลุ่มยานยนต์นำการปรับเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 2.2% หุ้น Porsche และ Mercedes-Benz เพิ่มขึ้น 5.7% และ 4.4% ตามลำดับ ซึ่งได้รับแรงหนุนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เสนอให้ลดมาตรฐานการประหยัดน้ำมันลงเมื่อวันพุธ เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินได้ง่ายขึ้น

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% เช่นกัน โดยหุ้น Schneider Electric และ Siemens Energy ตัวเพิ่มขึ้น 3.2% และ 2.5% ตามลำดับ หลังจากที่ J.P.Morgan ปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุนของทั้งสองบริษัทจาก เป็น overweight

ดัชนี STOXX 600 ได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า หลังข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี

ฟิโอนา ซินคอตตา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ City Index กล่าวว่า การลงทุนเริ่มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่าประธานเฟดคนใหม่จะมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 0.7% โดยหุ้น SAP บวก 1.7% หลังได้รับคำแนะนำลงทุนเป็น

overweight จาก J.P. Morgan ขณะที่ Capgemini พุ่งขึ้น 4.2% มีการปรับคำแนะนำลงทุนเป็น neutral
หุ้นเซมิคอนดักเตอร์ซื้อขายคึกคัก โดยหุ้น STMicroelectronics และ Soitec พุ่งขึ้น 3.4% และ 2.7% ตามลำดับ หลังมีรายงานว่าผู้ผลิตชิปจีน Cambricon มีแผนเพิ่มกำลังผลิตชิปถึง 3 เท่าเพื่อทดแทน Nvidia ในตลาด AI ของจีน ซึ่งช่วยหนุนมุมมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมชิปในยุโรป

หุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 1.1% ส่วนหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 0.9% ท่ามกลางการเจรจาสันติภาพยูเครน โดยทรัมป์ระบุว่าการเดินหน้าการเจรจาไม่ชัดเจน

ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ลดลง 0.6% โดยหุ้น Philips ดิ่งลง 5.6% หลัง Citi กังวลต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในปี 2569

หุ้น Societe Generale พุ่งขึ้น 3.2% หลัง Goldman Sachs ปรับคำแนะนำลงทุนเป็น buy

ขณะที่หุ้นกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น หุ้น Remy Cointreau และหุ้น Diageo ร่วง 2.1% และ 3.9% หลังถูก UBS ปรับลดคำแนะนำลงทุน

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบมกราคม เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 59.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 63.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล