หุ้นไทยเดือน พ.ย. ย่อตัว กด “P/E ต่ำ-ปันผลสูง” ดีกว่าค่าเฉลี่ยเอเชีย

HoonSmart.com>>ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดสถิติ SET เดือน พ.ย. ปรับตัวลดลง กด P/E อยู่ที่ 11.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดเอเชีย หนุน “อัตราผลตอบแทนเงินปันผล” สูง 4.01% เมื่อเทียบตลาดเอเชียเฉลี่ยอยู่ที่ 2.93% ด้านกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) เข้าซื้อหุ้นต่อเนื่อง

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า แม้ว่า Government Shutdown ของสหรัฐฯ สิ้นสุดแล้วแต่ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจบางเดือนขาดหายไป ขณะที่ตลาดคาดว่ามีโอกาสสูงที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Open Market Committee : FOMC) จะกลับมาลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบสุดท้ายของปี ระหว่างวันที่ 9-10 ธ.ค.2568 โดยคณะกรรมการฯ ที่ไม่สนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย สาเหตุหนึ่งมาจากความกังวลเกี่ยวกับหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มี valuation ค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาระดับการเคลื่อนไหวของดัชนี NASDAQ ในช่วงที่ผ่านมานี้ยังต่ำกว่าช่วง Dot-com peak ในปี 2543 ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้าของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักแนะนำให้การกระจายพอร์ตออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ไปยังตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ รวมถึงตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging market)

สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET Index ในเดือนพ.ย.2568 ลดลง 4.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า มาปิดที่ 1,256.69 จุด สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นโลก และยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสามของปี 2568 และสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้

ศรพล ตุลยะเสถียร

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสามของปี 2568 ขยายตัว 1.2% ชะลอลงจาก 2.8% ในไตรมาสสอง จากการส่งออกและท่องเที่ยวชะลอตัว รวมทั้งการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคและการลงทุนภาครัฐปรับลดลง รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทจดทะเบียนในเกือบทุกหมวดธุรกิจอย่างชัดเจน นอกจากนี้ สถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ที่เกิดขึ้นนอกเหนือความคาดหมายส่งกระทบเพิ่มเติมต่อภาวะการลงทุน

อย่างไรก็ดี ยังเห็นเงินทุนไหลเข้าในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาการขายสุทธิของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จะลดลงในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี

ณ สิ้นเดือน พ.ย.2568 SET Index ปิดที่ 1,256.69 จุด ปรับตัวลง 4.0% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 10.2% นับตั้งแต่ต้นปี โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการเงิน

มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 34,323 ล้านบาท ลดลง 22.4% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมอยู่ที่ 41,908 ล้านบาท

ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 12,559 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีที่ 113,298 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 54.20% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ตามด้วยผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศ 29.06% ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ 10.88% และบริษัทหลักทรัพย์ 5.85%

ในเดือนพ.ย.2568 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท กลุ่มสมอทอง (SMO) และ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) (MRDIYT) ใน mai 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล (MMM) และ บริษัท ลอนดรี้ ยู (WASH)

ด้าน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นพ.ย.2568 อยู่ที่ระดับ 11.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 11.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.4 เท่า

อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นพ.ย. 2568 อยู่ที่ระดับ 4.01% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.93%

ด้านภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนพ.ย.2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 329,001 สัญญา ลดลง 19.1% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures SET50 Index Futures และ Gold Online Futures ส่งผลให้ ในปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 413,695 สัญญา ลดลง 14.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–