HoonSmart.com>>ฟิทช์ฯปรับแนวโน้มอันดับเครดิตระยะยาว “ฟินันเซีย เอกซ์” (FSX)-บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) “เป็นลบ” จากมีเสถียรภาพ สะท้อนถึงความสามารถทำกำไรที่ยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง และยังมีความไม่แน่นอนในระดับความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจที่เผชิญกับสภาวะตลาดซบเซา จากการพึ่งพาลูกค้ารายย่อยและมีรายได้ค่านายหน้าซื้อขายถึง 59% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 36%
บริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ บริษัทฟินันเซีย เอกซ์ (FSX) และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) “เป็นลบ” จากเดิมแนวโน้มมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘BBB+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F2(tha)’
การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่ยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง และยังมีความไม่แน่นอนในระดับความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจของกลุ่ม ซึ่งต้องเผชิญกับสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ซบเซาในประเทศไทย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต จากความแข็งแกร่งทางการเงินรวมของทั้งกลุ่ม ซึ่งสะท้อนความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดของทั้ง 2 บริษัท โดย FSS เป็นกิจการหลักของกลุ่มและคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 96% และ 86.5% ของรายได้รวมและสินทรัพย์รวมของกลุ่มในครึ่งปี 2568 ตามลำดับ ในขณะที่ FSX เป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มและมีสัดส่วนการถือหุ้นแบบสัดส่วนผลประโยชน์สุทธิ (effective shareholding) ใน FSS ที่ 99.3% ณ สิ้นเดือนก.ย. 2568 และดำเนินงานภายใต้โครงสร้างผู้บริหารที่คล้ายกัน อีกทั้งยังมีการกำกับดูแลความเสี่ยง ควบคุมการดำเนินงาน และการกำหนดกลยุทธ์ร่วมกัน
ทั้งนี้ ฟิทช์ไม่ได้พิจารณาปรับลดอันดับเครดิตของ FSX ให้แตกต่างจาก FSS เพราะคาดว่า FSX จะสามารถรักษาอัตราส่วน Double Leverage ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 120% (89.7% ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2568) ควบคู่ไปกับนโยบายการบริหารสภาพคล่องที่ยังคงมีความระมัดระวังในระยะปานกลาง
FFS มีเครือข่ายธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อรายย่อย อยู่ในระดับที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ผลประกอบการน่าจะถูกจำกัดจากภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ซบเซา แม้บริษัทจะมีความพยายามที่จะกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล เช่น ธุรกิจผู้ให้บริการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ (Initial Coin Offering Portal) และธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม เช่นธุรกิจ wealth management โดยรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์คิดเป็น 59% ของรายได้รวมในช่วงครึ่งปี 2568 เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 36% ซึ่งสะท้อนถึงการกระจุกตัวในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทยังมีแรงกดดันต่อผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์
ฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของกลุ่ม น่าจะยังคงอ่อนแอและมีความผันผวนกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ที่มีอันดับเครดิตสูงกว่า เพราะยังคงต้องพึ่งพาธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับรายย่อยเป็นหลัก อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (Operating profit/average equity) อยู่ในระดับติดลบมาตั้งแต่ปี 2566 (ครึ่งปีแรกของปี 2568: -8.4%, ปี 2567: -3.7%, ปี 2566: -7.1%) เนื่องจากสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่เอื้ออำนวยและปริมาณการซื้อขายในตลาดที่ซบเซา การที่บริษัทจะสามารถฟื้นตัวกลับมากำไรได้ในระยะสั้นนั้น น่าจะอยู่กับภาวะตลาดหลักทรัพย์และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ (execution risk)
ความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในด้านเงินกองทุนอยู่ในระดับที่เพียงพอ ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนระดับหนี้สินของกลุ่มน่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัวในระยะสั้น และน่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง กลุ่มบริษัทสามารถรักษาฐานะเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราส่วน net adjusted leverage ที่ 1.9 เท่า ในครึ่งปี 2568 (เดือนส.ค. 2568) ส่งผลให้อัตราส่วน net adjusted leverage ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 1.7 เท่า
ขณะเดียวกัน FSS มีการพึ่งพาเงินทุนจากตลาดทุนเพื่อดำเนินกิจการตามวัฏจักรของธุรกิจ ซึ่งเป็นลักษณะที่คล้ายกันกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นแต่อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินกู้ยืมระยะสั้นทรงตัวอยู่ที่ระดับมากกว่า 1.0 เท่า ตั้งแต่ ปี 2565 (ปี 2567 -ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2568: 1.6 เท่า) และยังคงมีความยืดหยุ่นด้านการระดมเงินทุน (funding) ที่เพียงพอ
บริษัทหลักทรัพย์ยังเผชิญแรงกดดันจากภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ซบเซา โดยมูลค่าการซื้อขายของในตลาด ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 ลดลง 7% เมื่อเทียบช่วงดียวกันของในปีก่อน (ปี 2567: -12%) และจำนวนบริษัทที่รอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ที่ลดลงอย่างมาก บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ มีการกระจายรายได้ไปยังธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างประเทศมากขึ้น แต่ฟิทช์คาดว่าศักยภาพการทำกำไรไม่น่าจะปรับตัวดีขึ้นได้มากนักในระยะสั้น และสภาวะตลาดน่าจะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง