TKN เล็งผลงาน Q4/68 ฟื้น-ดีต่อถึงปีหน้า หวังพรีเซ็นเตอร์ดังดันยอดขายพุ่ง

HoonSmart.com>>”เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง”(TKN) เล็งผลงานไตรมาส 4/68 ฟื้นตัวดีขึ้น และดีต่อเนื่องไปปีหน้า จากปรับต้นทุน-สินค้ากลุ่มใหม่ได้ พร้อมผลักดันยอดขายใน-ต่างประเทศ ด้วยพรีเซ็นเตอร์คนดัง”น้องเกล-ชมพู่” ส่วนจีนกรี๊ดแตก…”เฉินเจ๋อหยวน” พรีเซ็นเตอร์ใหม่ ที่จะมาสร้างความคึกคัก ดันยอดขายสินค้าของบริษัทฯ

นางทิพย์นภา จิตต์แจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการเงิน บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 4/2568 ฟื้นตัวดีขึ้น จากสามารถปรับต้นทุน และสินค้ากลุ่มใหม่ได้ ซึ่งเป็น Growth engine ทั้งในไตรมาส 4 และในปีหน้าทั้งปีด้วย โดยบริษัคงมุ่งเน้นบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม เพื่อให้มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ปี 2568 มีทั้งส่วนที่ทำไปแล้ว และกำลังดำเนินการ ดังนี้ ตลาดในประเทศ ยอดขายในประเทศจะเห็นว่าเติบโต 12.4% มีการเติบโตเป็นอย่างดี จากกิจกรรมการตลาด และการออกสินค้าใหม่ ส่วนพรีเซ็นเตอร์”น้องเกล-ชมพู่ อารยา”ก็น่าจะมาช่วยสร้างโมเมนตัมของการขายในไตรมาส 4 ได้มากขึ้น
ตลาดต่างประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว โดยเฉพาะจีนเริ่มเห็นการขยับการขายขึ้น แคมเปญออนไลน์ยังทำต่อเนื่อง และพรีเซ็นเตอร์ใหม่ “เฉินเจ๋อหยวน” จะมาสร้างความคึกคักให้กับประเทศจีน และเพื่อนบ้านที่เป็นแฟนซีรี่ย์จีน

ด้านต้นทุนสาหร่ายและบรรจุภัณฑ์ สาหร่ายปี 68 มีต้นทุนต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณ 5-10% และในส่วนต้นทุนบรรจุภัณฑ์เริ่มรับรู้ในไตรมาส 4 ซึ่งมีราคาที่ดีขึ้นจากการต่อรอง การเลือกใช้ซัพพลายเออร์ใหม่ด้วย

นอกจากนี้ มีการเปิดตัว JV “Popcorn Major”บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับเมเจอร์ ในการทำธุรกิจป็อปคอน จะเปิดดำเนินการได้ในปลายไตรมาส 4/2568 และเน้นกลยุทธ์การมี Synergy ร่วมกัน
อีกทั้งมีการออกสินค้าใหม่ Super Groob ซึ่งพยายามขยายฐานผู้บริโภคออกไป และมีสินค้าใหม่ Wow Corn ก็มุ่งสร้างยอดขายใน และต่างประเทศ

บริษัทเริ่มจัดตั้งบริษัทย่อยในอินโดนีเซีย การที่จะออกสินค้าใหม่และพัฒนาสินค้าให้ได้เร็วขึ้น บริษัทก็เห็นถึงความสำคัญต้องมีบริษัทย่อย ทำให้สามารถแข่งขันได้ในท้องถิ่นอินโดนีเซียเอง

ในส่วนการพัฒนาสุขภาพ และความยั่งยืน มีการศึกษาตลาดยุโรป และสินค้าสุขภาพ พวกโซเดียมต่ำต่าง ๆ ตรงนี้ตลาดยุโรปมีศักยภาพ และมุ่งเน้นความยั่งยืน และการใส่ใจสุขภาพ

นายวชิระ ญาณทัศนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการค้าต่างประเทศ TKN เปิดเผยว่า “ตลาดจีน จริง ๆ Snack เรามีเข้าไปขายอยู่แล้ว วันนี้เรามี Connection กับเบอร์ใหญ่ ที่เขามีสโตร์ 18,000 สโตร์ แต่สินค้าของเรากระจายไปแค่ 3-4 พันสโตร์ ก็คุยกันเป็นไปได้ไหมที่จะกระจายสินค้าให้ครบ วันนี้คุยกันเรียบร้อย แต่เราต้องแก้บางอย่าง ตัวขายดี Big Roll เราเอาตัวนี้มาแก้ อย่างเช่น ลดจำนวนชิ้นลง ทำยังไงก็ได้ให้เหมาะกับช่องทางเขา ตอนนี้อยู่ในขั้นทำแพคเกจจิ้งอยู่ คาดว่าจะออกได้ 5 ธ.ค.นี้ ออเดอร์เปิดเรียบร้อยแล้ว ล็อตแรก 60 กว่าตู้ ตรงนี้คุยกันระยะยาว เราไม่ได้ขายแต่ Big Roll เรามีหลายอย่าง ไม่ว่าจะสาหร่ายโรยงา เราผลักดันไปด้วย วอลุ่มช่วงแรกอาจไม่เยอะ แต่เราต้องขายของคุณภาพเถ้าแก่น้อย ในราคาที่จับต้องได้ เพราะเรื่อง Price War เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเล่น แล้วการ Reorganize ใหม่ของคนขายในตลาดจีน ก็เรียกว่า เป็นการดีลกันอย่างยากลำบาก เดิมมีคนขายคนเดียวมายาวนาน ตอนนี้เราใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ใหญ่ “เฉินเจ๋อหยวน” ทุกเรื่องดังหมด การเลือกคนนี้เลือกมาจากเทรนด์ ตอบโจทย์ที่เราเลือกในราคายุติธรรมด้วย เราต้องการคนขายมากขึ้น เราต้องการผุ้เชี่ยวชาญในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม เวลานี้ผมต้องการแขนขามากสุด…ตลาดจีนเรียกได้ว่าทรงกำลังการดี หวังว่าทุกสิ่งอย่างจะรีบาวด์กลับมา ในช่วงการแข่งขันที่ยากลำบาก ตรงนี้เราก็มีการพันธมิตรเพิ่มในเรื่อง Production ในเรื่องที่เราไม่ได้ผลิตเก่ง ที่จีนเขาขายกัน เราอาจหาพันธมิตรในจีนในราคาแข่งขันได้ และถ้ามี Export ไปบางประเทศได้ เราก็ทำ ซึ่งก็ได้ทำแล้วอย่างประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ เราส่งออกสินค้าจากเกาหลีเข้าไปขาย เพื่อไปเอาแชร์”

ในส่วนของสหรัฐอเมริกา ปีที่ผ่านมายอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ด้วยเศรษฐกิจภายในมีปัญหา มีการชัตดาวน์ มีภาวะเงินเฟ้อ จริง ๆ เศรษฐกิจขึ้นแต่ไม่เป็นไปตามที่หวัง ทำให้ห้างไม่กล้าสต็อกของ จะดีลสินค้าใหม่กระบวนการก็ช้าลง เพราะไม่เสถียรในเรื่องโครงสร้างราคา จะต้องทำการตลาดหนักขึ้น เพราะผู้เล่นมีมาก เถ้าแก่น้อย เห็นว่าจะต้องเข้าไปแก้หลายจุด ซึ่งก็ได้มีการศึกษาเอาแบรนด์เถ้าแก่น้อยเข้าไปขายในอเมริกา กิจกรรมทางการตลาดในปี 2569 จะมุ่งเน้นมากขึ้น ปีนี้มองช่องทางการกระจายสินค้าทำได้ดี แต่มีหลายห้างที่ยังต้องไปต่อ

อินโดนีเซีย ปีนี้เป็นไปตามวัฎจักรเศรษฐกิจอินโดนีเซีย ท่ามกลางคู่แข่งที่มีจำนวนมาก ซึ่งในเดือนม.ค. 2569 จะมีการปรับโครงสร้างราคาใหม่ มุ่งเน้นไปที่แพคเกจ และได้พันธมิตรที่ดี ซึ่งคาดว่าไตรมาส 1-2 ปี 2569 ก็จะดีขึ้นได้ตามลำดับ