HoonSmart.com>> SFLEX โชว์ Q3/68 กวาดรายได้ 510 ลบ. กำไร 62 ลบ. ผลลัพท์จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ – ดีมานด์บรรจุภัณฑ์ฟื้น ลุยธุรกิจต้นน้ำ-พัฒนาครบวงจร หนุนอนาคตเติบโตยั่งยืน

ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 510.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากไตรมาส 2/2568 ที่มีรายได้ 467.9 ล้านบาท
ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 24.4% , กำไรสุทธิ 62.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% จากไตรมาส 2/2568 ที่มีกำไร 53.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 12.1%
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ก่อนหน้า แรงหนุนจากผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งการเปลี่ยนรูปแบบ โครงสร้าง และลวดลายสีสรรต่าง ๆ ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หนุนการเติบโตต่อเนื่อง อัตรากำไรขั้นต้น ยังทรงตัวระดับ 24.4% จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ส่วนแบ่งกำไรจาก Starprint Vietnam JSC จะลดลงเล็กน้อยเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอง(เวียดนาม) เกือบ 20% แต่ทำยอดขายได้สูงสุด (New High) ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา” ดร.สมโภชน์ กล่าว
สำหรับแนวโน้ม Q4/2568 คาดผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่อง จากการใช้จ่ายช่วงปลายปี ในกลุ่มสินค้าอาหารและอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ SFLEX ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบทรงตัว ช่วยลดต้นทุนเม็ดพลาสติก ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธภาพ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าปี 2568 เป็นช่วงสำคัญของการวางรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นบริหารต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อาทิ การบริหารจัดการด้านพลังงาน โดยการติดตั้ง Solar Rooftop , การบริหารการจัดหาวัตถุดิบ โดยการเพิ่มจำนวน Supplier เพิ่มอำนาจในการต่อรองด้านราคา และทางเลือกในการหาวัตถุดิบที่เหมาะสม รวมถึงการลงทุนในการผลิตฟิลม์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งช่วยทดแทนการนำเข้าหรือซื้อจากผู้ขายภายนอก พร้อมการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น
คาดว่าในปี 2569 จะเห็นภาพการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งจากบริษัทย่อยในต่างประเทศที่ตลาดกลับมาฟื้นตัว และการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง และบริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลธุรกิจต้นน้ำ ทั้งด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี รวมถึง Strategic Partner หลายประเภทเพื่อสามารถควบคุมกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาลและแนวทาง ESG อย่างต่อเนื่อง บริจาคเครื่องช่วยหายใจ 4 เครื่อง และรถพยาบาลจำนวน 4 คัน ให้กับโรงพยาบาล 4 แห่ง รวมมูลค่าที่บริจาคตามโครงการนี้ประมาณ 14 ล้านบาท ทำให้ Q3/68 มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับรายการดังกล่าวเพิ่มเติมเป็นจำนวนเงินประมาณ 7 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตและสุขภาพของชุมชน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าแก่ผู้ถือหุ้น และขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืนทางสังคมในระยะยาว

