บจ.-IPO แห่ปันผลพิเศษดันหุ้น SPCG ใจป๋าแจกอีก14%

HoonSmart.com>>ในช่วงนี้จะเห็นปรากฎการณ์บจ.ประกาศแจกเงินปันผลสูงเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกลุ่มธนาคารเท่านั้น ล่าสุดบอร์ดบริษัท เอสพีซีจี (SPCG ) ใจดี อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดที่ 3 อีกหุ้นละ 1.50 บาท ขึ้น XD 28 พ.ย.นี้ ให้ตอบแทนสูงถึง 15.46% เทียบกับราคาปิด 14 พ.ย.นี้ จากปกติจ่ายปีละ 2 ปี สำหรับปีนี้จ่ายแล้ว 0.70 บาทและ 0.40 บาท รวม 3 งวด 2.60 บาท ผลตอบแทนทั้งสิ้น  26.8%  และATLAS-SMO-MRDIYT ที่หุ้นเพิ่งเข้าเทรดก็ให้ปันผลเช่นเดียวกัน 

นางสาว วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2568 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท รวมเป็นเงิน 1,583,685,000 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 พ.ย. 2568 และจ่ายเงินวันที่ 12 ธ.ค.2568  ทั้งนี้คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 15.46% เทียบกับราคาหุ้นปิดวันที่ 14 พ.ย.ที่ระดับ 9.70 บาท พุ่งขึ้น 1.25 บาท หรือ+14.79%

“การจ่ายเงินปันผลครั้งนี้ เพื่อตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น โดยที่บริษัทยังคงรักษาระดับสภาพคล่องทางการเงิน และเงินทุนไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตได้อย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจ และฐานะทางการเงินของบริษัทฯ”นางสาววันดีกล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2568  บริษัท เอสพีซีจี  ได้จ่ายเงินปันผลแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกหุ้นละ 0.70  บาท ขึ้น XD วันที่ 11 มี.ค. และครั้งที่สอง หุ้นละ 0.40 บาท ขึ้น XD วันที่ 1 ก.ย. 2568

นางสาววันดี ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีการเติบโตที่ดี โดยมีกำไรสุทธิ 76.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 449.5 ล้านบาท  จากปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวม 78.8 ล้านหน่วย ลดลง 5.3 ล้านหน่วยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และความสำเร็จของธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) สำหรับบ้านพักอาศัย สำนักงานอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมและอื่นๆ สะท้อนถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการแม้ว่าโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการ ได้สิ้นสุดระยะเวลาได้รับเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) แล้ว

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ  309 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้จำนวน 564.74 ล้านบาท มีปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวม 268.3 ล้านหน่วย ส่งผลให้มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,372.4 ล้านบาท

แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปี 2568 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีแนวโน้มผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาโอกาสขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเติบโตในอนาคต

นอกจากนี้บอร์ด  SPCG  ยังมีมติแต่งตั้ง นางสาว ออมสิน ศิริ  เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ แทนนางสาว วันดี กุญชรยาคง ซึ่งขึ้นไปรับตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2568

นอกจากนี้ หุ้นน้องใหม่  IPO ในปี 2568 ก็มีการจ่ายเงินปันผล หลังจากหุ้นเพิ่งเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์  คงเพราะอาจจะต้องการปลอบใจผู้ถือหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำกว่าราคาที่จองซื้อ IPO  อาทิ

บริษัท กลุ่มสมอทอง (SMO) แจกเงินปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2/2568 หุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 3.75% ขึ้นเครื่องหมาย XD  วันที่ 25 พ.ย. 2568 จ่ายเงิน 11 ธ.ค. 2568  บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี (ATLAS) แจก 0.10 บาท/หุ้น  ผลตอบแทน 4.54% XD 20 พ.ย.  ล่าสุดบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือ MRDIYT แจกสำหรับไตรมาสที่ 3/2568 หุ้นละ 0.05 บาท ขึ้น XD 27 พ.ย.นี้ รับเงิน 12 ธ.ค.2568

ขณะเดียวกัน บริษัท น้องใหม่ ยังประกาศข่าวดี เรื่องการเติบโตของผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2568  อาทิ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี มีกำไรสุทธิ 72 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  58 ล้านบาท  บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง  มีกำไรสุทธิ 604.92 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 0.108 บาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 338.48 ล้านบาทหรือ 0.061 บาท รวม 9 เดือน กำไรทั้งสิ้น 1,781.35 ล้านบาท 0.318 บาท เพิ่มขึ้นจาก 1,132.22ล้านบาทหรือ 0.202 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อน

MRDIYT โชว์กำไรที่ดีขึ้นมากถึง 266.44  ล้านบาท หรือประมาณ 79% กระชากให้ราคาหุ้นกระโดดขึ้นแรง ปิดที่ 8.55 บาท บวก 0.85 บาทหรือ +11.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 207 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา สวนทางตลาดหุ้นโดยรวม ดิ่งลงหนักถึง-18.18 จุด หรือ -1.41% ดัชนีปิดที่ 1,269.26 จุด

ทางด้านบล.กรุงศรีอยุธยามองหุ้นมีปัจจัยบวก 3 เรื่องใหม่ แนะนำสะสมหุ้นเมื่อดัชนีแกว่งในกรอบ 1,260-1270 จุดมีโอกาสฟื้นตัว

สำหรับ 3ปัจจัยบวกได้แก่

1. S&P Global คงอันดับเครดิตไทย + แนวโน้ม บวก สะท้อนความเชื่อมั่นนโยบายการคลังรัฐบาล,สร้างสมดุลระหว่างกระตุ้นเศรษฐกิจและวินัยการคลัง,ลดความกังวลความเสี่ยง  ส่งผลบวกกลุ่มธนาคาร หุ้นหนี้สูง

2. จีนซื้อข้าวไทย 5 แสนตัน

• ไทยส่งออกข้าว 9.5-10 ล้านตัน/ปี (5% ของยอดส่งออก)
• Direct Impact:
o ยอดส่งออก +0.1%
o GDP +0.05-0.07%
• ยังไม่รวมผลบวกจากกำลังซื้อฐานราก

3. กำไรไตรมาส 3/2568 กำไร Positive Surprise เร่งขึ้นสู่ 4.79% จาก 4.5%

คำแนะนำระยะสั้น (รับประเด็นบวก 2 เรื่อง)
• ธนาคาร: KTB
• หุ้นอิงภายใน/ค้าปลีก: CPALL, DOHOME

ระยะกลาง (New S-Curve + Value)
• Infra-Tech: ADVANC, GULF
• ค้าปลีก: CPALL
• โรงพยาบาล: BDMS, BH
• ท่องเที่ยว : CENTEL

 

 

———————————————————————————————————————————————————–