บล.กสิกรฯให้แนวรับ 1200 แนวต้าน 1300 สัปดาห์หน้าจับตาฟันด์โฟลว์

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับที่ 1,230 และ 1,200 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,300 จุด ตามลำดับ จากสัปดาห์ที่ผ่านมาหลุด 1,300 จุดจากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,589 ล้านบาท จับตาตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568  ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ระดับ 32.10-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (17-21 พ.ย. 2568) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,230 และ 1,200 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,300 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) บันทึกการประชุมเฟด ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนพ.ย. ของจีน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่น

สัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบช่วงแรก ก่อนจะร่วงลงหลุดแนว 1,300 จุดในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายหลัก ๆ จากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ นำโดยแรงขายทำกำไรหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง และหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังบริษัทค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ซึ่งค่อนข้างอ่อนแอ

ดัชนีหุ้นขยับขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมา ขานรับข่าวสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ (ที่ทำสถิติรอบนี้ยาวนานสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ) สิ้นสุดลง แต่กรอบการปรับขึ้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากยังคงเผชิญแรงขายต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มค้าปลีก ดัชนีหุ้นร่วงลงอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณไม่เร่งลดดอกเบี้ย  ทำให้การประชุมรอบถัดไปของเฟดยังคงมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน

ในวันศุกร์ที่ 14 พ.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,269.26 จุด ลดลง 2.58% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 33,463.35 ล้านบาท ลดลง 7.62% ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.51% มาปิดที่ระดับ 219.50 จุด

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท สัปดาห์ระหว่างวันที่ 17-21 พ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 32.10-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และการส่งออกเดือนต.ค. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก

เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามทิศทางเงินเยนที่อ่อนค่าลงจากการคาดการณ์ว่า BOJ อาจยังไม่คุมเข้มนโยบายการเงินในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากภาวะชัตดาวน์หน่วยงานราชการสหรัฐฯ ที่สิ้นสุดลง หลังคองเกรสสามารถตกลงร่วมกันในเรื่องกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายแล้ว

อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าในระหว่างสัปดาห์ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะกลับมาประกาศหลังชัตดาวน์ อาจออกมาอ่อนแอ แต่กรอบการแข็งค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด และเงินบาทกลับไปอ่อนค่าลงอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ท่ามกลางแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านยังคงส่งสัญญาณกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้จังหวะการลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ยังมีความไม่แน่นอน

ในวันศุกร์ที่ 14 พ.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 พ.ย.)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 10-14 พ.ย.ที่ผ่านมา แม้ขายสุทธิหุ้นไทย 6,589 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 2,612 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 3,652 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 1,040 ล้านบาท)

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–