HoonSmart.com>>”อินโดรามา เวนเจอร์ส” (IVL) หดตัว ไตรมาส 3/68 ขาดทุนต่อ 818 ล้านบาท รวม 9 เดือนขาดทุน 2,651 ล้านบาท อ้างระบบนิเวศโลกกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ บริษัทมุ่งลดต้นทุน เพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญเพิ่มกระแสเงินสด กอดอยู่ 985 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท ขายทรัพย์สิน สร้างรายได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐปี 69 กู้เงินยืดหนี้ยาวตุนสภาพคล่อง
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยผการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 ขาดทุนสุทธิ 818.11 ล้านบาท ขาดทุนหุ้นละ 0.19 บาท พลิกจากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 1,504.91 ล้านบาท กำไร 0.20 บาท และลดลงจากไตรมาส 2/2568 ที่ขาดทุน รวม 9 เดือนปีนี้ขาดทุนทั้งสิ้น 2,651.21 ล้านบาท ขาดทุนหุ้นละ 0.59 บาท ดีขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิ 20,357.82 ล้านบาท หรือ 3.77 บาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
สาเหตุที่ทำให้ขาดทุน มาจากระบบนิเวศโลกกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการเมือง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อน การเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากรส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันอุตสาหกรรมเคมีเผชิญกับความผันผวน โดยมีกำลังการผลิตส่วนเกินและอุปสงค์ที่อ่อนตัวลง โดยเฉพาะในภาคยานยนต์และก่อสร้างในระดับภูมิภาค ขณะที่ทวีปอเมริกาและทวีปเอเชียกำลังเผชิญกับปัจจัยทางสภาพภูมิอากาศในระยะสั้นและระยะกลาง ทวีปยุโรปกลับประสบปัญหาด้านภัยพิบัติ ผลประกอบการของอุตสาหกรรมในทวีปยุโรปตกต่ำจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรงจากการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากทวีปเอเชีย และต้นทุนคาร์บอนที่ถูกบังคับใช้กับผู้ผลิตในประเทศ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งเน้นในด้านที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งรวมถึงการลดต้นทุน การเพิ่มกำลังการผลิตและการเพิ่มประสิทธิภาพของฐานการผลิต รวมถึงมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายการผลิต (Footprint Optimization) โดยเฉพาะในทวีปยุโรป การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้านความยั่งยืนและนวัตกรรม ด้วยมาตรการดำเนินการภายใน เพื่อให้บริษัทมีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การค้าโลกและการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ ให้สอดคล้องกับความต้องการของโลกที่เปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่
การสร้างกระแสเงินสดคือสิ่งสำคัญในช่วงเวลาผันผวน ในช่วง 9 เดือนของปี 2568 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ที่ 985 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท โดยมีอัตราการแปลง Reported EBITDA ที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 121% ซึ่งได้แรงหนุนจากการจัดการเงินทุนหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการควบคุมบัญชีลูกหนี้และเจ้าหนี้อย่างเข้มงวด
” ไตรมาส 3/2568 ยอดขายลดลง 3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงาน PO/MTBE ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ทุกๆ 5 ปี ( จะเริ่มเปิดดำเนินงานอีกครั้งกลางเดือนพ.ย.) รวมถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ที่โรงงาน Combined PET และ Fibers ในประเทศอินโดนีเซีย รายได้รวมลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 3.39 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ Adjusted EBITDA ลดลง 15% มาอยู่ที่ 279 ล้านเหรียญสหรัฐ”
บริษัทดำเนินการปรับขนาดโรงงาน รวมถึงการขาย Wellman International ในประเทศไอร์แลนด์ในไตรมาสที่ 3 ช่วยลดต้นทุนคงที่ ปรับกำลังการผลิต และปรับพอร์ตโฟลิโอ ให้มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ต้นทุนคงที่อยู่ที่ 2.28 พันล้านเหรียญสหรัฐในรอบ 12 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2568 ลดลง 130 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 เมื่อมีการเปิดตัวของโครงการ IVL 2.0
นอกจากนี้คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2569 จากการขายที่ดินและทรัพย์สิน จากการปรับโครงสร้างสินทรัพย์ในประเทศออสเตรเลีย รอตเตอร์ดัม และแคนาดาแผนการรีไฟแนนซ์ของบริษัทสำเร็จ ตามเป้าหมาย 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3/2568 เพิ่มสภาพคล่อง โดยการขยายอายุหนี้และเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนทางการเงินในเดือนก.ค. 2568 Indovinya ได้ระดมทุนจำนวน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านวงเงินกู้แบบ syndication ระยะเวลา 5 ปี แบบไม่มีหลักประกัน ในอัตราดอกเบี้ยที่เอื้ออำนวย นำเงินกู้ระยะยาว ไปใช้ในการชำระหนี้ที่มีอยู่และชำระหนี้ล่วงหน้าที่จะครบกำหนดในครึ่งหลังของปี 2568 และปี 2569 นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดหาเงินกู้ระยะยาวเพิ่มเติมเทียบเท่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐในสกุลเงินบาท เพื่อใช้ในโครงการลงทุน การลงทุนในหุ้นและการรีไฟแนนซ์
บริษัทยังคงมีสภาพคล่องแข็งแกร่งอยู่ที่ 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยรวมเงินสดรายการเทียบเท่าเงินสด และวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้ ณ สิ้นเดือนก.ย.2568 ช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินเพื่อรับมือกับสภาวะตลาดในปัจจุบันและสนับสนุนการดำเนินการของ
ผู้บริหารในโครงการเชิงกลยุทธ์ บริษัทจัดหาเงินทุนประเภท ESG-linked Financing คิดเป็น 17% ของหนี้สินรวม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนสอดคล้องกับเป้าหมายด้าน ESG ในระยะยาวโดยรวม ทั้งการดำเนินธุรกิจและและโครงสร้างเงินทุนของบริษัท
