HoonSmart.com>>”ตลาดหุ้นโตเกียว-เอเชีย” เช้านี้บวกตามดัชนีดาวโจนส์ หวังภาวะชัตดาวน์ครั้งประวัติศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ยุติลง หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลกดีขึ้น พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนต.ค.ของจีนในช่วงสุดสัปดาห์ ออกมาสูงกว่าคาด
ตลาดหุ้นโตเกียวเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดในแดนบวกเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว จากความเชื่อมั่นว่าการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้ ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกดีขึ้น
การเข้ามาซื้อขายที่มากขึ้นส่งผลให้ภาคส่วนสำคัญต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ส่งออก นักลงทุนยังได้รับแรงหนุนจากสัญญาณทางการเงินที่มีเสถียรภาพจากธนาคารกลางญี่ปุ่น
ในตลาด Prime Market กลุ่มที่ปรับตัวขึ้นนำได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มน้ำมันและถ่านหิน และกลุ่มโลหะที่ไม่มีเหล็กผสม
ในตลาดเงินตราต่างประเทศ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อขายในช่วง 153 เยน
ณ เวลา 9.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
ดัชนี Nikkei 225 อยู่ที่ 50,766.89 จุด เพิ่มขึ้น 490.52 จุด, +0.98%
ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นด้วยความหวังภาวะชัตดาวน์ครั้งประวัติศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯจะยุติลงได้ ขณะที่นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนตุลาคมของจีนในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
เมื่อวันอาทิตย์ วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผลักดันให้เปิดทำการรัฐบาลกลางอีกครั้ง หนึ่งวันหลังจากที่จอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา กล่าวว่าการเจรจาระหว่างสองพรรคในสภาเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์มีทิศทางไปในทางบวก
ชารู ชานานา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ Saxo กล่าวดูเหมือนว่า วุฒิสภาสหรัฐฯจะใกล้บรรลุข้อตกลงแล้ว แต่ถึงแม้จะผ่าน ก็ยังต้องได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งผู้นำพรรคเดโมแครตได้ส่งสัญญาณคัดค้านไปแล้ว “นั่นหมายความว่าตลาดอาจเห็นการฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ความผันผวนจากข่าวน่าจะยังคงมีต่อไปจนกว่าจะมีทางออกที่ชัดเจน”
นักยุทธศาสตร์ของธนาคารคอมมอนเวลธ์แบงก์ออฟออสเตรเลีย นำโดยโจเซฟ คาปูร์โซ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ว่าการปิดทำการจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งกว่าที่ข้อมูลจะได้รับการเผยแพร่อีกครั้ง สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) หลายรายได้ส่งสัญญาณว่ายังไม่ต้องการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ในขณะที่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
ด้านอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไปของจีนอยู่ที่ 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0 ส่วนอัตราเงินเฟ้อภาคค้าส่งลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่า 2.2%ที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียยังคงซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันต่อหุ้นเทคโนโลยี
ดัชนีฮั่งเส็งฮ่องกงปรับขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นเทคโนโลยีและพลังงานรายใหญ่ หุ้นTencent Holdingsเพิ่มขึ้น 1.66% PetroChinaเพิ่มขึ้น 2.23% และAlibaba Groupเพิ่มขึ้น 0.69% หนุนความเชื่อมั่นโดยรวม การฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ช่วยชดเชยความกังวลในภาพรวมของตลาด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ยังคงมีอยู่
ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2% ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและยานยนต์หลักๆ ที่เพิ่มขึ้น หุ้น SK Hynix ปรับตัวสูงขึ้น 3.79% Samsung Electronics เพิ่มขึ้น 1.12% และ Hyundai Motor เพิ่มขึ้น 1.89% ส่งผลให้ตลาดปรับตัวสูงขึ้น ความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์เซมิคอนดักเตอร์และเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศที่แข็งแกร่งเป็นแรงหนุนให้ตลาดโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนี SSE ตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ 3,999.48 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด, +0.05%
ดัชนี HIS ตลาดหุ้นฮ่องกงอยู่ที่ 26,386.58 จุด เพิ่มขึ้น 144.75 จุด, +0.55%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้อยู่ที่ 4,058.52 จุด เพิ่มขึ้น 104.76 จุด, +2.65%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันอยู่ที่ 27,773.71 จุด เพิ่มขึ้น 122.3 จุด, +0.44%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.3 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ซื้อขายที่ 63.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม
เพิ่มขึ้น 0.32 ดอลลาร์หรือ 0.54% ซื้อขายที่ 60.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

