ไทยมาแรง!เวทีประกันภัยต่อระดับโลก ดึง 800 คน 24 ประเทศ 37 บ.ร่วมงาน

HoonSmart.com>>ไทยเจ้าภาพจัดประชุมประกันภัยต่อระดับโลกครั้งแรก “Thailand Reinsurance Conference 2025”สำเร็จเกินคาด ดึงผู้ร่วมงานกว่า 800 คนจาก 24 ประเทศ พันธมิตรกว่า 37 บริษัทร่วมผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางประกันภัยต่ออาเซียน

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยภายหลังการประชุม “Thailand Reinsurance Conference 2025” หรือ “TRC 2025”วันแรก โดยงานจะมีถึงวันที่ 1 พ.ย. 2568 ว่า ประสบความสำเร็จเกินคาด มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่าที่คาดไว้ในช่วงต้นที่ระดับ 600 คนในช่วงแรก ปรากฏว่า มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 800 คน จาก 24 ประเทศ 4 ทวีป

ขณะที่ บริษัทประกันภัยต่อที่เข้าร่วมประชุม ยังมีการพบปะเจรจาทางธุรกิจกับบริษัทประกันไทยถึง 5 บริษัทต่อวัน

นับจากนี้ จะมีการจัดประชุมลักษณะนี้เป็นประจำทุก ๆ 2 ปี เพื่อสร้างเวทีระดับนานาชาติที่เปิดโอกาสให้ผู้รับประกันภัยต่อและนายหน้าประกันภัยต่อจากทั่วโลกได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาดประกันภัยไทยและภูมิภาคอาเซียนโดยตรง พร้อมทั้งเป็นช่องทางให้บริษัทประกันภัยในประเทศได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างเครือข่าย และขยายความร่วมมือทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดเชื่อมโยงของตลาดประกันภัยในภูมิภาคและระดับโลกอย่างแท้จริง

โดยได้รับเกียรติจาก ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวปาฐกถาพิเศษ

นอกจากนี้ยังมีวิทยากรทั้งในและต่างประเทศร่วมบรรยายอีกกว่า 12 หัวข้อ

สมาคมฯ มุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยมีเวทีที่สะท้อนศักยภาพของตลาดประกันภัยไทยในระดับภูมิภาคและเชื่อมโยงกับโลกอย่างแท้จริง โดยในปี 2567 ประเทศไทยมีเบี้ยประกันภัยต่อรวมมูลค่า 91,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของการเติบโตและความแข็งแกร่งของระบบประกันภัยไทย

ขณะที่ในปี 2568 ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยโลก ทั้งนโยบายการเงิน การค้า และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทยยังคงดำเนินไปอย่างมั่นคง สามารถรักษาสภาพคล่องและความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงพัฒนาการของระบบประกันภัยไทยที่กำลังก้าวสู่ความเข้มแข็งและยั่งยืนมากขึ้นในทุกมิติ

ทั้งนี้ในปี 2566 – 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่หลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมใหญ่ใน 37 จังหวัด จากพายุ Kajiki ที่สร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรกรรมและทรัพย์สิน การเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูดในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในวงกว้าง รวมถึงภัยไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 40% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ภัยพิบัติไม่ใช่เรื่องเฉพาะพื้นที่อีกต่อไป แต่เป็น “ความเสี่ยงเชิงระบบ” (Systemic Risk) ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศ และเป็นบททดสอบของระบบการเงินและประกันภัยของไทยว่ามีความพร้อมเพียงใดในการรับมือกับ “ความไม่แน่นอนถาวร” (Permanent Uncertainty) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทยได้ทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ รวมถึงการผลักดันการพัฒนาประกันภัยพืชผลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังของ “ระบบประกันภัยต่อ” ที่อยู่เบื้องหลังความมั่นคงของทั้งระบบ การประกันภัยต่อจึงเปรียบเสมือน “กลไกแห่งเสถียรภาพ” (Mechanism of Stability) ที่ช่วยให้ระบบประกันภัยของไทยสามารถรับมือกับความผันผวนจากภัยธรรมชาติ วิกฤตเศรษฐกิจ หรือภัยคุกคามในยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคง พร้อมทั้งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการรับประกันภัย การเสริมความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy) การพัฒนาแบบจำลองความเสี่ยงภัยพิบัติ (Catastrophe Risk Model) และการเข้าถึงนวัตกรรมระดับโลก

กล่าวได้ว่า “การประกันภัยต่อคือกลไกแห่งความมั่นคง และหัวใจของความยั่งยืน” ที่ทำให้ระบบประกันภัยไทยสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในทุกมิติท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ภาคธุรกิจประกันภัยจำเป็นต้องเดินไปด้วยกัน เพื่อยกระดับระบบประกันภัยต่อให้เติบโตไปพร้อมกับทิศทางของประเทศและภูมิภาค และภายใต้การสนับสนุนของพันธมิตรกว่า 37 องค์กร

การจัดการประชุม Thailand Reinsurance Conference (TRC) 2025 นับเป็น จุดเริ่มต้นสำคัญของการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางประกันภัยและประกันภัยต่อของภูมิภาคอาเซียน และ เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล ภาคเอกชน และพันธมิตรระดับโลก เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัด และร่วมกันวางแนวทางใหม่ในการเสริมสร้าง “Catastrophe Resilience” และพัฒนา “Parametric Insurance” ให้กับประเทศไทย

พร้อมทั้งผลักดันแนวทาง ESG ให้เป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอของทุกบริษัทประกันภัย ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านการประกันภัยและประกันภัยต่อในระดับภูมิภาคและระดับโลก สะท้อนบทบาทของประเทศไทยในฐานะประเทศผู้นำที่พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่ความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรในอุตสาหกรรมจากทั่วโลก ที่ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม “Thailand Reinsurance Conference 2025” เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางใหม่ของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย ก้าวสู่อนาคตที่มั่นคง ยั่งยืน และเปี่ยมด้วยโอกาส พร้อมสานต่อภารกิจในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบประกันภัยของประเทศ และยกระดับประเทศไทยให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการประกันภัยต่อของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง