คปภ.เล็งปรับกรอบความเสี่ยง หลังแผ่นดินไหวพม่า-ตึกไทยพัง

HoonSmart.com>>คปภ.เร่งยกระดับการบริหารความเสี่ยงมหันตภัย หลังแผ่นดินไหวเมียนมากระทบไทยหนัก เก็บข้อมูลประเมินเสถียรภาพระบบประกันภัย ก่อนจัดกรอบกองทุนใหม่

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวในงาน Thailand Reinsurance Conference 2025 ว่า ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ที่เกิดขึ้นในเมียนมาส่งผลกระทบถึงกรุงเทพฯ อย่างหนัก จึงเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการความเสี่ยงมหันตภัย โดยเฉพาะภาวะโลกร้อน ความเสี่ยงภูมิรัฐซาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

“โลกร้อน ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ไม่ได้เป็นเพียงประเด็นเชิงทฤษฎีอีกต่อไป แต่เป็นภัยคุกคามระดับโลกที่ต้องจัดการในเชิงปฏิบัติอย่างเร่งด่วน” นายชูฉัตร กล่าว

นายชูฉัตร กล่าวว่า จากข้อมูลจากการสำรวจของ World Economic Forum (WEF) ระบุว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสองความเสี่ยงเร่งด่วนสูงสุดของโลก โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนที่สร้างผลกระทบชัดเจน ที่ส่งผลต่อความถี่และความรุนแรงของภัยพิบัติทั่วโลกในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

คปภ.ได้ดำเนินการสำรวจเชิงลึกใน 5 ขอบเขตหลัก เช่น ธรรมาภิบาลและการจัดการความเสี่ยง เพื่อประเมินความพร้อมของตลาดอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความตระหนักรู้และความพร้อมของอุตสาหกรรมประกันภัย พร้อมผลักดันไปสู่การบังคับใช้กฎระเบียบที่จำเป็นในอนาคต

ทำการเพิ่มน้ำหนักความเสี่ยงมหันตภัย เป็นหนึ่งในความเสี่ยงตามกรอล Risk-Based Capital (RBC) โดยมุ่งรวมความเสี่ยงจากอุทกภัย แผ่นดินไหว และเหตุการณ์มหันตภัยอื่น ๆ เข้าสู่การคำนวณเงินกองทุน เพื่อสร้างระบบประกันภัยไทยที่มีความแข็งแกร่งและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยระยะที่ 1 การพิจารณาค่าความเสี่ยง ช่วงเดือน ก.พ.–มี.ค.เริ่มทำการรวบรวมข้อมูลเพื่อสร้างแบบจำลองและคำนวณข้อกำหนดเงินกองทุนใหม่

ระยะที่ 2 ทำการทดสอบตลาด QIS ช่วง ส.ค.–มิ.ย.เพื่อศึกษาผลกระทบเชิงปริมาณจากการรวมความเสี่ยงมหันตภัยเข้ากับกรอบ RBC และระยะที่ 3 ได้ทำร่างเอกสารเปิดรับฟังความคิดเห็น ก่อนจัดทำร่างใหม่

นอกจากนี้ ได้ทำประเมินความพร้อมอุตสาหกรรมผ่าน 21 หัวข้อหลัก เป็นการเจาะลึกตลอด วงจรชีวิตของการบริหารความเสี่ยงทั้งหมด ตั้งแต่ธรรมาภิบาลและกลยุทธ์ ครอบคลุมประเมินความชัดเจนของความรับผิดชอบของฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการบริหารความเสี่ยงมหันตภัย และการทบทวนความรู้สึกเกี่ยวกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ การประเมินความเสี่ยงและแบบจำลองด้านเทคนิค เช่น การประเมินมูลค่าและการวัดความเสี่ยง และการ ใช้แบบจำลองความเสี่ยงมหันตภัยจริง ภายในบริษัท

การประเมินความสามารถในการมองไปข้างหน้า ให้มีการรายงานความโปร่งใสในระดับสูง ต้องให้รายละเอียดการ ประเมินตนเองเกี่ยวกับระดับวุฒิภาวะในปัจจุบัน และ แผนที่จะพัฒนาในช่วงสองปีข้างหน้า