HoonSmart.com>>สมาคมค้าทองคำ ชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่าง “ทองคำแท่ง กับ ทองรูปพรรณ” มีผลต่อส่วนต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายคืน แบบไหนเหมาะกับการลงทุน
ราคาทองคำมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเดือนต.ค. 2568 ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เคยขึ้นไปแตะระดับ 66,900 บาทต่อทอง 1 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากแรงหนุนราคาทองคำโลก ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง และ ความกังวลทางเศรษฐกิจ/ภูมิรัฐศาสตร์ วันนี้ ( 24 ต.ค.2568 ) ก่อนจะร่วงลงมาอยู่ที่ 64,000 บาทต่อทอง 1 บาท ไม่ว่าจะทองขึ้นแรง หรือลงแรง จะเห็นข่าวประชาชนแห่ซื้อทองกันเต็มร้านทอง

อยากลงทุนควรซื้อ”ทองแท่ง หรือ ทองรูปพรรณ”
สมาคมค้าทองคำ อธิบายความแตกต่างระหว่าง “ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ”เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนก่อนคิดจะลงทุนในทองคำ ว่า ทองคำแท่ง (Gold Bar / Bullion) คือทองคำที่ผลิตขึ้นในลักษณะเป็นแท่งหรือแผ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนและการออมเป็นหลัก ไม่ได้ออกแบบเพื่อการสวมใส่ ความบริสุทธิ์ที่นิยมใช้ในประเทศไทยอยู่ที่ 96.5% หรือ 99.99% ตามมาตรฐานสากล
น้ำหนักทองคำแท่งในตลาดภายในประเทศมีตั้งแต่ขนาดเล็ก 0.1 กรัม ไปจนถึงขนาดใหญ่ 50 บาททองคำ (ทองคำ 1 บาท มีน้ำหนัก 15.244 กรัม) ส่วนในตลาดต่างประเทศ นิยมซื้อขายตามหน่วยสากล เช่น 1 ออนซ์, 10 ออนซ์ หรือ 1 กิโลกรัม
ทองคำแท่งมีลักษณะผิวเรียบหรือประทับตราโลโก้และสัญลักษณ์ของผู้ผลิต ใช้เพื่อการลงทุนโดยตรง ราคาซื้อขายอิงตามราคาทองคำโลก และสามารถขายคืนได้ตามราคารับซื้อที่สมาคมค้าทองคำประกาศ ทั้งนี้ ร้านค้าปลีกบางแห่งอาจมีการหักค่าดำเนินการเพิ่มเติมตามต้นทุนและความผันผวนของราคา
ขณะที่ ทองรูปพรรณ (Gold Ornament / Jewelry) หมายถึงทองคำที่นำมาแปรรูปเป็นเครื่องประดับหรือของใช้ที่มีคุณค่า เพื่อการสวมใส่ ตกแต่ง หรือมอบเป็นของขวัญ ซึ่งยังถือเป็นทรัพย์สินที่สามารถซื้อขายและออมได้เช่นกัน

ทองรูปพรรณในประเทศไทยมีมาตรฐานความบริสุทธิ์ 96.5% (ประมาณ 23K) ส่วนในต่างประเทศ เช่น จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง อาจมีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.9–99.99% (24K) รวมถึงรูปแบบ 18K, 14K หรือ 10K ที่นิยมในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพื่อเพิ่มความแข็งแรงในการใช้งาน
ทองรูปพรรณ มีการใช้ “น้ำประสานทอง” ในกระบวนการผลิต เพื่อเชื่อมต่อชิ้นงานให้คงรูปและทนทานต่อการสวมใส่ โดยใช้อุณหภูมิหลอมละลายต่ำกว่าทองคำบริสุทธิ์ พร้อมสารบอแรกซ์ช่วยให้การเชื่อมประสานเรียบเนียน
ราคาทองรูปพรรณ ประกอบด้วย”ราคาทองคำแท่ง”ตามประกาศสมาคมฯ บวก “ค่ากำเหน็จ หรือค่าฝีมือในการผลิต” ซึ่งแตกต่างกันตามแบบและน้ำหนักของเครื่องประดับ การขายคืน ร้านค้าทองจะรับซื้อในราคาตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ หักไม่เกิน 5% ของราคาทองคำแท่งในวันนั้น ตามแนวทางที่กำหนดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
สมาคมค้าทองคำ สรุปว่า
ทองคำแท่ง เหมาะสำหรับ การลงทุนและการออม เพราะมีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีการใช้น้ำประสานทอง ราคาซื้อขายอ้างอิงราคาทองคำโดยตรง การขายคืนอ้างอิงตามราคารับซื้อคืนที่สมาคมค้าทองคำประกาศหรือตามราคาตลาดโลก โดยหลักทั่วไปไม่มีการหักค่าแรงหรือค่าเสื่อม แต่ร้านค้าปลีกบางแห่งอาจมีการหักค่าดำเนินการตามความจำเป็น
ทองรูปพรรณ เหมาะสำหรับ การสวมใส่ ความสวยงาม และเป็นของขวัญ มีการใช้น้ำประสานทอง มีราคาขายตามประกาศของสมาคมค้าทองคำรวมค่ากำเหน็จ การขายคืนมีการหักค่าเสื่อมโดยคำนวณจากราคาทองคำตามน้ำหนักจริงและสภาพการใช้งาน
ทั้งนี้ การเข้าใจความแตกต่างระหว่างทองคำทั้งสองประเภท จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ–ขายได้อย่างมีข้อมูล ถูกต้อง และเป็นธรรม ทั้งต่อตนเองและผู้ประกอบการในระบบ
