HoonSmart.com>> WIN WIN กลุ่ม ปตท. มุ่งสร้าง Synergy ใช้สินทรัพย์-เงินทุน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านกลยุทธ์ Asset Monetization ทำให้เกิดกำไรพิเศษ เสริมความแข็งแกร่งการเงิน ปตท.ส่ง”พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล”ตั้งบริษัทย่อย ทำธุรกรรมกับ”พีทีที โกลบอล เคมิคอล” (PTTGC) ซื้อทรัพย์สิน-ให้เช่าช่วงกลับ พร้อมซื้อหุ้น ไทยแท้งค์เทอร์มินัล 45.43% มูลค่า 4,403 ล้านบาท และซื้อทรัพย์สินจาก”ไทยออยล์”(TOP) รับเงินสดกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท นำไปชำระหนี้ส่วนหนึ่ง
บริษัท ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. ได้ดำเนินกลยุทธ์ Asset Monetization (A1) เพื่อบริหารสินทรัพย์ในกลุ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ ปตท. ได้มอบหมายให้ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล (PTT Tank) เป็น Infrastructure Flagship และจะดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ที่ PTT Tank ถือหุ้น 100% เพื่อเข้าทำธุรกรรมประกอบด้วย ธุรกรรมซื้อทรัพย์สินและให้เช่ากลับ และธุรกรรมซื้อทรัพย์สินและรับบริการ จาก บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมใหม่ซึ่งจะถือหุ้นโดย บริษัทย่อยใหม่ของ PTT Tank และบริษัท ไทยออยล์ (TOP) ในสัดส่วน 49% และ 51% ตามลำดับ เพื่อดำเนินการเช่าระยะยาวจาก TOP เป็นเวลา 21 ปี และเช่าช่วงทรัพย์สินกลับเพื่อใช้ในการดำเนินงาน
นอกจากนี้ PTT Tank จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล (TTT) จาก PTTGC ในสัดส่วนประมาณ 35.43% โดย PTT Tank จะเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ครอบคลุมธุรกิจ บริการรับ จัดเก็บ และขนถ่ายสินค้าเหลว โดยโครงการดังกล่าวมีกำหนดทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนธ.ค. 2568 จนถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2569
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.กล่าวว่า กลยุทธ์ Asset Monetization ของกลุ่ม ปตท. มีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารการใช้สินทรัพย์ในกลุ่ม ปตท. ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มุ่งสร้าง Synergy เพื่อก่อให้เกิด Asset & Capital Optimization รวมถึงการ unlock value ของสินทรัพย์ สร้างธุรกิจโมเดลใหม่ Energy Infrastructure ของกลุ่ม พร้อมทั้งยังคงยึดมั่นในบทบาทการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล
นางสาวภัทรลดา สง่าแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าทำธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจและการเงินให้แก่ ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ได้แก่ PTTGC และ TOP ซึ่งจะได้รับกระแสเงินสดส่วนเพิ่มและรับรู้กำไรพิเศษจากธุรกรรมดังกล่าว รวมถึงมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจาก Synergy & Efficiency โดยไม่กระทบต่อการดำเนินงานของแต่ละบริษัท อีกทั้งยังคงสามารถใช้ประโยชน์ของทรัพย์สินเพื่อดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นและเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน
ทางด้านนาย ณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้ขายหุ้นบางส่วนในบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล ให้แก่ PTT TANK จำนวน 4,463,999 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35.43% ในราคาหุ้นละประมาณ 986.34 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,403 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติม ซึ่งสัญญาซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จ บริษัทฯ ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
สำหรับการขายหุ้นดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization)ของบริษัทฯ และจะยังคงถือหุ้นใน TTT จำนวน 126,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1% เพื่อให้โครงสร้างการถือหุ้นของ TTTเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ว่าให้ผู้ถือหุ้นเดิมต้องถือหุ้นรวมกันไม่ต่ำกว่า 51%ภายใต้สัญญาร่วมลงทุนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่ง TTT ทำกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
“การขายหุ้น TTT ครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ Asset Light & Portfolio Transformation และแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยโครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization)เป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กร เพื่อรักษาความมั่นคง ซึ่งบริษัทฯ จะมีเงินสดเพิ่มขึ้น ช่วยทำให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น ลดภาระหนี้สิน และช่วยให้บริษัทฯ สามารถมุ่งเน้นธุรกิจหลัก”นาย ณะรงค์ศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ บอร์ด PTTGC ยังมีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทฯ จะขายทรัพย์สิน และเช่าทรัพย์สินกลับบางส่วนรวมถึงรับบริการท่าเทียบเรือและพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของบริษัทฯ สาขาที่ 7 ท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ (Buffer Tank Farm – BTF) ได้แก่ ท่าเทียบเรือ ถังเก็บผลิตภัณฑ์ ระบบขนถ่ายสินค้าทางรถบรรทุก เครื่องมือและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งการโอนสิทธิการให้บริการแก่ลูกค้า และสิทธิในการใช้ที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่ ณ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ตลอดจนการโอนใบอนุญาตที่สำคัญที่ใช้ในการประกอบกิจการท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ โดยธุรกรรมอยู่ภายใต้โครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization) ของบริษัทฯ
ด้านนายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2568 บอร์ดมีมติอนุมัติให้ระดมทุนผ่านโครงการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดมูลค่าสูงสุด (Asset Monetization)โดยการให้ PTT Tank เข้าถือหุ้น 49% ในบริษัทย่อยของ TOP ที่จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าระยะยาว 21 ปี ในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐาน ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้แก่ ถังเก็บน้ำมันดิบ ทุ่นผูกเรือกลางทะเล (Single Buoy Mooring :SBM) สถานีจ่ายน้ำมันทางรถและที่ดินบางส่วน โดย TOP จะเช่าทรัพย์สินกลับ เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันได้อย่างต่อเนื่อง การทำธุรกรรมครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินสดมาเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินและปรับโครงสร้างเงินทุนและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับที่เข้มแข็งขึ้น
โครงการบริหารจัดการทรัพย์สินฯ สอดคล้องกับกลยุทธ์และนโยบายเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน จากกระแสเงินสดที่ได้รับจากการให้เช่าทรัพย์สินระยะยาว โดยยังคงสามารถบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน ในการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างมูลค่าจากทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานเดิมและการลดความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม” นายบัณฑิต กล่าว
นายบัณฑิต กล่าวอีกว่า การดำเนินธุรกรรมบริษัทฯ ได้ทำการศึกษาและพิจารณาผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญและเพื่อความโปร่งใส คณะกรรมการบริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัท แคปปิตอล แอดแวนเทจ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ทำหน้าที่ประเมินความเหมาะสมของการทำธุรกรรมและจัดทำรายงานให้ผู้ถือหุ้นพิจารณา ทั้งนี้ บริษัทฯ จะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ธ.ค. 2568 ผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์เพียงช่องทางเดียว และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมในวันที่ 9 ตุลาคม นี้
