ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จัดโครงการ “บริษัทเกษียณสุข” ซึ่งมีนายจ้าง 175 บริษัท ครอบคลุมสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกว่า 3 แสนคน ร่วมประกาศเจตนารมณ์ส่งเสริมให้ลูกจ้างมีเงินใช้หลังเกษียณอย่างเพียงพอ
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า
โครงการ “บริษัทเกษียณสุข” มุ่งสนับสนุนนายจ้างช่วยให้ลูกจ้างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีหลังเกษียณ ผ่านกลไกการออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยนายจ้างมีบทบาทให้ความรู้แก่ลูกจ้าง กระตุ้นให้เกิดการออม และสร้างองค์ประกอบที่เหมาะสมเพื่อช่วยลูกจ้างให้ “ออมเต็มพิกัด จัดแผนเป็น เห็นเงินพอ” ซึ่งมีนายจ้างสนใจสมัครเข้าร่วม 175 ราย ครอบคลุมสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกว่า 3 แสนคน และคาดว่าในปี 2562 จะมีนายจ้างเข้าร่วมโครงการเพิ่มเป็น 250 ราย
“เราพบปัญหาว่ามีสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกว่า 60% ได้เงิน ณ วันเกษียณ ไม่ถึงหนึ่งล้านบาท ขณะที่ผลงานวิจัยระบุว่าเงินขั้นต่ำสุดที่ควรมีเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้หลังเกษียณคือสามล้านบาท และสมาชิกไม่รู้ว่าจะต้องสะสมเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อให้เพียงพอใช้จ่ายหลังเกษียณ ทำให้ออมน้อย เริ่มออมช้า และไม่เลือกหรือไม่มีทางเลือกในนโยบายการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากพอที่จะทำให้เงินออมเติบโตจนถึงระดับเพียงพอสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณได้”
ปัจจุบันสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากกว่า 80% ยังคงเลือกนโยบายการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำหรือลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก ซึ่งอาจทำให้มีเงินไม่พอใช้สำหรับชีวิตหลังเกษียณ
จากประเด็นข้างต้น นายจ้างจึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ที่จะช่วยสร้างความตระหนักด้านการออมเพื่อการเกษียณโดยกระตุ้นให้ลูกจ้างสะสมเงินเต็มสิทธิ 15% ของเงินเดือน มีแผนการลงทุนให้เลือกหลากหลาย รวมถึงมีแผนแบบสมดุลตามอายุ (life path) ที่ปรับสัดส่วนการลงทุนอัตโนมัติตามช่วงอายุของสมาชิกไว้รองรับด้วย
“สิ่งที่สำคัญคือ นายจ้างต้องให้ความรู้แก่ลูกจ้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเลือกแผนการลงทุนของลูกจ้างเหมาะสมกับเป้าหมายเกษียณของตนเอง”
ทั้งนี้ บริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์ที่หลากหลาย เช่น เครื่องมือการเรียนรู้ (Toolbox) ซึ่งประกอบด้วยสื่อและเครื่องมือต่างๆ ที่สามารถนำไปใช้สื่อสารกับลูกจ้างให้หันมาใส่ใจกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างต่อเนื่องได้ ได้รับสิทธิในการส่งกรรมการกองทุนไปอบรมความรู้ในการบริหารกองทุนในหลักสูตรของสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และส่งผู้แทนฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือพนักงานที่พร้อมเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง (influencer) เข้าร่วมเวิร์คช็อปเพื่อกระตุ้นและถ่ายทอดความรู้สู่เพื่อนพนักงานได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
“นอกจากนี้ บริษัทจัดการลงทุนที่บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะช่วยให้ข้อมูลและนำเสนอทางเลือกแผนการลงทุนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเป้าหมายเกษียณมากที่สุด และสุดท้ายจะประเมินผลเพื่อประกาศเกียรติคุณแก่สมาชิกตามความสำเร็จในการเข้าร่วมโครงการต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขการประเมินผล” นายรพีกล่าว