“บี จิสติกส์” ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ยกระดับให้บริการขนส่งสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ รวมถึงธุรกิจดิจิทัล โลจิสติกส์รองรับอีคอมเมิร์ซ ภายใต้แม่ทัพใหม่ “พงศ์ศิริ ศิริธร” หวังปักธงผู้นำให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ตั้งเป้ารายได้เติบโตก้าวกระโดดทุกปี
นายพงศ์ศิริ ศิริธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด(มหาชน) หรือ B กล่าวว่า บริษัทได้เปลี่ยนแปลงและปรับโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ พร้อมการขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ บริษัท มิลล์คอน สตีล(MILL) จำนวน 200 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.90 บาท รวมทั้งขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม รวมมูลค่าประมาณ 258.39 ล้านบาท และคณะกรรมสรรหาได้ทาบทาม ตนเอง เข้ามาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อนำทัพบริษัทฯ เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
“จากประสบการณ์ที่ผมทำงานในวงการโลจิสติกส์มานานและทำมาหลายรูปแบบทั้งในประเทศ ต่างประเทศ การขนส่งทางเรือ ทางอากาศ การขนส่งสินค้าเร่งด่วน คอนเทนเนอร์และอีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ ผมมั่นใจว่าจะสามารถนำมาพัฒนาบริษัท บี จิสติกส์ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง”นายพงศ์ศิริ กล่าว
นายพงศ์ศิริ กล่าวว่า บริษัทได้ปรับรูปแบบองค์กรและธุรกิจใหม่ รวมถึงเปลี่ยนชื่อจากบริษัท บางปะกง เทอร์มินอล (BTC) เป็นบริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) พร้อมรรีแบรนด์ดิ้งครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางธุรกิจและยกระดับการให้บริการครั้งยิ่งใหญ่ นอกเหนือจากการให้บริการท่าเรือ, ลานตู้คอนเทนเนอร์ และ คลังสินค้า บริษัท บี จีสติกส์ ยังเพิ่มการให้บริการด้านการขนส่งระหว่างประเทศ, การดำเนินพิธีการศุลกากร, การบริการจัดการด้านโลจิสติกส์กับโครงการขนาดใหญ่, การบริการขนส่งด้วยกองรถเทรลเลอร์ของตัวเอง และ การให้คำปรึกษาด้านการค้าที่เกี่ยวกับกิจกรรมโลจิสติกส์กับผู้นำเข้าและผู้ส่งออก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นขยายการให้บริการ และวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ บี จิสติกส์ ให้เป็นผู้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรและ สามารถเชื่อมโยงกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ กับกลุ่มลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้ความได้เปรียบในเชิงที่ตั้งจุดยุทธศาสตร์ของท่าเรือเดิมที่มีอยู่ในการรองรับการเติบโตภาคอุตสาหกรรมในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (EEC)
ขณะเดียวกัน ยังมีนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการกับอุตสาหกรรมใหม่ๆ และธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง ด้าน Digital logistics ที่จะรองรับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ eCommerce ในอนาคต โดยตั้งแผนกการดำเนินการที่เรียกว่า B2D – Begistics to Digital ซึ่งทางบริษัทฯเริ่มมีการเจรจากับกลุ่มธุรกิจและ ลูกค้าในตลาดดังกล่าว และการเข้าไปสนับสนุนกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ในอุตสาหกรรมพลังงาน โดยเฉพาะเรื่องการขนส่งพลังงาน ซึ่งได้เซ็นต์หนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ระหว่าง บี จีสติกส์ กับผู้ประกอบการณ์ธุรกิจพลังงานก๊าซ บริษัท บางกอก อินดัสเทรียลแก๊ส (BIG) ไปมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทจึงได้ตั้งแผนกการดำเนินการที่เรียกว่า B2E – Begistics to Energy
ในอนาคตบริษัทยังวางแผนขยายการเชื่อมโยงการให้บริการกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และ เวียดนาม) เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโต ซึ่ง บี จิสติกส์ มีการวางแผนด้านยุทธ์ศาสตร์ทางธุรกิจให้สอดคล้องการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ต่อไป
“ความท้าทาย ในการนำทัพของตนครั้งนี้ คงหนีไม่พ้นการปรับแผนและพลิกฟื้นผลประกอบการในการบริหารงานในอดีตที่ผ่านมา โดยที่ผลประกอบการของบริษัทในปีก่อนหน้านี้ขาดทุนเพิ่มจากแผนการปรับปรุงโครงสร้างและการลงทุนเพิ่มเติมเมื่อปีที่ผ่านมา 4.6% เป็น 56.13 ล้านบาท จากเดิมปี 2559 ขาดทุน 53.63 ล้านบาทแต่ในด้านผลประกอบการรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2559 มากกว่า 27.50% โดยมีรายได้รวมกว่า 125.63 ล้านบาทจากปี 2559 ที่มีรายได้เพียง 98.53 ล้านบาท” นายพงศ์ศิริ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทตั้งเป้าการเติบโตรายได้ทุกๆไตรมาสในปีนี้ จากแผนการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์ทางธุรกิจครั้งใหญ่ ซึ่งน่าจะส่งผลทำให้ผลประกอบการอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต