HoonSmart.com>>ราคาทองคำยังขาขึ้น รับแรงหนุนดอกเบี้ยขาลง–ธนาคารกลางสะสมทองหนีความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ แนะนักลงทุนระยะยาวทยอยสะสมช่วงราคาย่อ
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำในระยะนี้ยังคงเป็นบวก ภายใต้แรงหนุนจากหลายปัจจัย ทั้งความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงการเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก,ความขัดแย้งในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย–ยูเครน ยังคงเป็นตัวเร่งให้ราคาทองคำทำหน้าที่สินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะที่ทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องหลังจากอยู่ในระดับสูง 3–4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการลดดอกเบี้ยแม้เพียง 0.25% จะส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ โดยหากเฟดลดมากกว่านั้น ก็อาจหนุนราคาให้ปรับขึ้นได้รวดเร็วกว่าเดิม
การที่ธนาคารกลางหลายประเทศหันมาเพิ่มการถือครองทองคำ และนำทองกลับมาเก็บภายในประเทศของตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเงินดอลลาร์ หลังจากที่กรณีรัสเซียเคยถูก “freeze” ทองคำสำรองในต่างประเทศ ซึ่งทำให้หลายชาติเร่งสะสมทองคำเพื่อใช้เป็นสินทรัพย์สำรองระยะยาว
นายณัฐพงศ์ ประเมินว่า ราคาทองคำในตลาดโลกปีนี้มีโอกาสแตะระดับ 3,750–3,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศมีโอกาสแตะ 56,000 บาทภายในปีนี้ และหากบาทอ่อนค่าประกอบ อาจเห็นระดับ 60,000 บาทในปีหน้าได้ไม่ยาก
แม้ทิศทางระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น แต่แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการเข้าซื้อ เนื่องจากราคาปัจจุบันสะท้อนการคาดการณ์ลดดอกเบี้ยไปบางส่วนแล้ว
กลยุทธ์ที่เหมาะสมคือ “รอจังหวะย่อตัวแล้วทยอยสะสม” โดยควรใช้เงินเย็นและกระจายการซื้อ เช่น การซื้อทองแท่งหรือทยอยซื้อเป็นรายเดือน เพื่อเฉลี่ยต้นทุนและลดความเสี่ยงจากความผันผวนในระยะสั้น
“การลงทุนระยะยาว ผมเชื่อว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่เอาชนะเงินฝากและเงินร้อนได้ แต่ต้องลงทุนอย่างมีวินัย ไม่ใช้เงินกู้ และต้องเข้าใจว่าความผันผวนในแต่ละช่วงเป็นโอกาสสะสมมากกว่าความเสี่ยง” นายณัฐพงศ์ กล่าว
