HoonSmart.com>>”เด็มโก้”(DEMCO)ครึ่งปีหลังภาพรวมยังอยู่ในทิศทางดีขึ้น พร้อมทยอยส่งงานในมือ (Backlog) เพื่อรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีงานในมืออยู่ 3,180 ล้านบาท โดยบริษัทฯให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดเล็งหาโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
นายณัฐพงศ์ กอร่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็มโก้ (DEMCO) เปิดเผยว่า ครึ่งหลังปี 2568 บริษัทมองภาพรวมอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ตามอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว และความต้องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานต่าง ๆ พร้อมกันนี้บริษัทจะทยอยส่งงานในมือ (Backlog) เพื่อที่จะทำให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในครึ่งปีหลังก็จะมีงานเพิ่มขึ้น โดยบริษัทจะเน้นการบริหารงาน และต้นทุน ให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโฟกัสกำไรขั้นต้นให้ดี
ทั้งนี้ บริษัทฯให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด จึงมองหาโอกาสลงทุนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ Core Business คืองาน EPC ซึ่งน่าจะไปทิศทางเดิม และพลังงานสะอาดก็หาโอกาสที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
นายโชคชวาล ยังถาวรตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานบริหารการเงิน DEMCO เปิดเผยว่า ปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจมาจากแผนพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือก ปี 2564-2573 โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเอกชน โรงไฟฟ้าชุมชน มุ่งเน้น BOP-Balance of Plant สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงโครงข่ายไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับ PEA และ EGAT มูลค่าโครงการประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท
แผนลงทุนของกฟผ.ปี 2563-2573 จำนวน 3 แสนล้านบาท เป็นการก่อสร้างสายส่งและจำหน่ายไฟฟ้าและสถานีย่อย เพื่อรองรับการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าและนโยบายโครงข่ายไฟฟ้าแห่งเอเชีย รวมถึงงบลงทุน กฟน. ปี 2559-2569 จำนวน 5 หมื่นล้านบาท ในการก่อสร้างระบบสายไฟฟ้าใต้ดิบในเขตมหานครและปรับปรุงสถานีไฟฟ้าย่อย
นอกจากนี้ งบลงทุน กฟภ.ในปี 2565-2567 จำนวน 30,000 ล้านบาท เป็นงานก่อสร้างสายส่ง-จำหน่ายไฟฟ้า สถานีไฟฟ้าย่อย และสายเคเบิลใต้ดิน นอกจากนี้ เข้าสู่ธุรกิจใหม่โดยย้ายไปยังฐานคอมพิวเตอร์และแพลตฟอร์ม เช่น สมาร์ทกริด ไมโครกริด การจัดเก็บพลังงาน รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า การจัดการพลังงาน และการลงทุนโซลาร์รูฟท็อป (Private PPA) ตั้งเป้า 20 เมกกะวัตต์ ระหว่างปี 2564-2570 ปัจจุบันบริษัทฯได้ลงทุนโซลาร์รูฟท็อปไปแล้ว 10 เมกกะวัตต์ และมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มไปจนถึงปี 2570
ทั้งนี้ สิ้น 30 มิ.ย.2568 บริษัทฯมีงานในมือ (Backlog) จำนวนทั้งสิ้น 3,180 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของรัฐบาล 1,600 ล้านบาท คิดเป็น 50.30% ของทั้งหมด และส่วนของเอกชน 1,580 ล้านบาท คิดเป็น 49.70% ซึ่ง Backlog จะรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 ไปจนถึงปี 2570
