HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ปรับประมาณการมูลค่าส่งออกปีนี้จะขยายตัว 3.0% จากเดิมมองติดลบ 0.1% ผลจากความตึงเครียดทางการค้าโลกคลี่คลาย และการนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น แต่อาจสะดุดช่วงปลายปีคำสั่งซื้อเริ่มแผ่ว
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC ) ปรับประมาณการมูลค่าส่งออกไทยปีนี้จะขยายตัว 3.0% จากเดิมมอง -0.1% โดยมีสาเหตุหลักมาจาก
1) นโยบายการค้าโลกที่มีความชัดเจนมากขึ้น ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ลดลง (หลังสหรัฐฯ ขยายข้อตกลงเก็บภาษีนำเข้าจีนในอัตรา 30% ชั่วคราวต่ออีก 90 วัน จนถึงวันที่ 10 พ.ย.) ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโลกน้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า
2) ไทยสามารถต่อรองลดอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ลงมาได้เกือบครึ่งเหลือ 19%
3) การส่งออกไทยขยายตัวสูงถึง 14.4% ในช่วง 7 เดือนแรกจากการเร่งส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเจาะจงสินค้า
4) ปัจจัยส่งออกทองคำพิเศษไปอินเดียที่เป็นแรงหนุนหลักในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ และ
5) ปัจจัยฐานต่ำในช่วงครึ่งปีแรกในปี 2567 มุมมองของ SCB EIC สอดคล้องกับกระทรวงพาณิชย์ที่มองว่า มูลค่าส่งออกไทยจะเริ่มชะลอตัวในเดือน ส.ค. และมีมุมมองมูลค่าส่งออกไทยปีนี้ขยายตัวในช่วง 2-3% และมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขอาจสูงกว่านี้

อย่างไรก็ดี การส่งออกไทยในช่วงท้ายปี 2568 มีแนวโน้มหดตัวสูง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 เนื่องจาก
ส่งออกไทยยังเผชิญผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยยังสูงกว่าหลายประเทศคู่แข่งที่ส่งสินค้าคล้ายกันไปตลาดสหรัฐฯ ทั้ง Income effect และ Substitution effect และผลกระทบทางอ้อมจากเศรษฐกิจโลกที่จะเริ่มชะลอตัวลง
ปัจจัยหนุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้หมดลง เช่น การเร่งส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ ทยอยหมดลง ปัจจัยส่งออกทองคำพิเศษไปอินเดียหมดลงหลังจบไตรมาส 1 และปัจจัยฐานต่ำ
ส่งออกไทยโตสูงกว่าแนวโน้มปกติมากต่อเนื่องนานหลายเดือน จึงมีแนวโน้มจะหดตัวลง ชดเชยช่วงผิดปกติก่อนหน้า ในช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มมูลค่าการส่งออกจะกลับมาสู่เส้นค่าเฉลี่ยหรือต่ำกว่าเพื่อชดเชยได้
สำหรับในปี 2569 ประเมินมูลค่าการส่งออกไทยมีแนวโน้มหดตัว -1.5% โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรก จากปัจจัยฐานสูง (ส่งออกโต 15.0% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568) รวมถึงหลายปัจจัยยังกดดันการส่งออกไทยต่อเนื่องจากช่วงที่เหลือของปีนี้
จับตาความเสี่ยงด้านลบเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนอาจกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังหมดช่วงลดกำแพงภาษีสูงชั่วคราว
สหรัฐฯ เตรียมประกาศภาษีเฉพาะเจาะจงสินค้า (Product specific tariffs) อีกหลายรายการ เช่น ยาและเวชภัณฑ์ รถบรรทุกขนาดใหญ่ ไม้และไม้แปรรูป โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยและพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูง ทั้งนี้ทรัมป์ขู่จะประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นถึง 100%-300% ในช่วงเดือนต้นเดือน ส.ค.
หากสหรัฐฯ บังคับให้ใช้ Local content สูง อาจทำให้สินค้าไทยเสี่ยงถูกเก็บภาษี Transshipment 40% กระทบการส่งออกไทยรุนแรงขึ้น โดยสินค้าส่งออกบางกลุ่ม เช่น โซลาร์เซลล์ อะลูมิเนียมขึ้นรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และแม่พิมพ์ (Molds) มีความเสี่ยงสูงที่อาจถูกเก็บภาษี Transshipment เพราะสัดส่วน Import content ค่อนข้างสูง ขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เหล็กแผ่นรีดร้อน และยางล้อ มีความเสี่ยงนี้ในระดับปานกลาง
เงินบาทอาจมีแนวโน้มแข็งค่าสูงเทียบคู่แข่งในภูมิภาค ในช่วงที่ผ่านมาเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นมาก ดัชนีค่าเงินบาท (ณ วันที่ 22 ส.ค.) แข็งค่าขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินของจีน, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, อินเดียและเวียดนามอ่อนค่าลง อาจซ้ำเติมความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกไทยในช่วงที่จะต้องเผชิญกำแพงภาษีสหรัฐฯ
ความขัดแย้งชายแดน ไทย-กัมพูชาอาจยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ดี การส่งออกกลุ่มยานยนต์โดยรวมไปกัมพูชามีสัดส่วนไม่มากคิดเป็น 1% ของการส่งออกยานยนต์ไทยทั้งหมด
